เกิดวันที่ 3 ก.ย. 2506 จบมัธยมศึกษา โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) รุ่นที่ 9, ปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตร์จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 38, นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 22, ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์จาก City University สหรัฐอเมริกา, หลักสูตร Pacific Training Initiative (PTI) ของ F.B.I, หลักสูตร การควบคุมฝูงชน ของ Tacoma Police Department สหรัฐอเมริกา…
เปิดประวัติว่าที่ ผบ.ตร.คนที่ 13 “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เตรียมรับไม้ต่อจาก “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. คนที่ 12 ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในอีก 1 เดือนข้างหน้า ซึ่ง บิ๊กเด่น เคยกล่าวกับคนสนิทว่า จะสานต่อนโยบายทุกอย่างต่อจาก บิ๊กปั๊ด เพื่อให้บรรลุผลความสำเร็จ เพราะทุกนโยบายที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ เคยทำไว้ ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งสิ้น
เมื่อย้อนดูประวัติการรับราชการของว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ก็นับว่าไม่ธรรมดา เพราะถือเป็นนายตำรวจที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน จาก รอง ผกก.ป.สน.บางรัก เลื่อนขึ้นเป็น ผกก.สน.คลองตัน ได้ 3 ปี ในช่วงนั้น ผกก.เด่น ลงพื้นที่ 7 วันต่อสัปดาห์ พบปะพูดคุยกับชาวบ้าน และผู้ปฏิบัติงาน หาแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดติด และปัญหาอาชญากรรมในชุมชน
จนได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย อาทิ รางวัลป้องกันยาเสพติดดีเด่น ของ ตร. ,รางวัลพัฒนาสถานีตำรวจเพื่อประชาชน อันดับ 1 และรางวัลชุดปฏิบัติการชุมชนสัมพันธ์ดีเด่นของ บช.น. 3 ปีซ้อน ก่อนได้เลื่อนเป็นรองผู้บังคับการสายตรวจ และปฏิบัติการพิเศษ (191) ,รองผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ให้เลื่อนขึ้นเป็น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ และถูกดึงเข้ามาทำงานสำคัญในพื้นที่นครบาล ในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ในยุคที่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา (ยศในสมัยนั้น) เป็น ผบช.น.
โดยในสมัยดำรงตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ ผู้การเด่น เป็นที่รักใครของชาวบ้าน เข้าถึงประชาชนทุกระดับ ถึงขั้นรวมตัวกันมาขอร้องให้อยู่ต่ออีก 1 ปี แต่ท้ายที่สุด ก็ต้องย้ายเข้าเมืองหลวง เพราะผู้บังคับบัญชาอยากให้เข้ามาช่วยพัฒนางานดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
สมัยดำรงตำแหน่ง ผบก.น.2 ผู้การเด่น ให้ความสำคัญสถิติคดีอาญาทุกประเภทอย่างละเอียด สำรวจความถึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการปฏิบัติงานของตำรวจทั้งทุกโรงพัก สั่งปรับรูปแบบการทำงานใหม่ เน้นการให้บริการประชาชนที่รวดเร็วประทับใจ สร้างรูปแบบติดตามผลความพึงพอใจของประชาชน ปฏิรูปการทำงานทุกสายงานในโรงพัก จนได้รับรางวัล “โครงการสถานีตำรวจเพื่อประชาชน อันดับ 1 ของ บช.น.” แต่ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับการเป็น ผู้การฯ 2 คือ การได้ออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ จากความเดือดร้อนน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 ร่วมกับผู้บังคับบัญชา และลูกน้อง
ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ผู้การเด่น ถูกโยกไปดำรงตำแหน่ง ผู้การตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา ได้ใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์ในเรื่องป้องปรามปัญหายาเสพติดทางภาคเหนือ บวกกับประสบการณ์ที่เคยดำรงค์ตำแหน่ง ผกก.สน.คลองตัน ลงพื้นที่แก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง จนผลสำรวจประชาชนทั่วประเทศ ตำรวจภูธร จว.พะเยา ได้รับความพึงพอใจ 100% ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
บิ๊กเด่น เติบโตตามเส้นทางรับราชการเรื่อยมา เน้นการทำงานเป็นที่ตั้ง จนได้เลื่อนเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, ได้รับความไว้วางใจดำรงค์ตำแหน่ง ผู้บัญชาการ สำนักงานกำลังพล ในสมัย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็น ผบ.ตร. ก่อนย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการ สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ต่อมาโยกมาเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ริเริ่มจัดทำโครงการ “ประชารัฐร่วมใจต้านภัยยาเสพติด (ปักกลด)” 1,472 หมู่บ้าน , โครงการ “สร้างสรรค์นวัตกรรมในการลดสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนบนพื้นฐานระบบงานสืบสวน อบถ.” ใน 8 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งปัจจุบัน ตร. ได้นำมาเป็นตัวอย่างขับเคลื่อนในการลดอุบัติเหตุทางถนนกับทุกจังหวัด
ในสมัยดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ต่อเนื่องจนเป็น รอง ผบ.ตร. รับนโยบายที่สำคัญตรงจาก พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ให้ทำการศึกษาและลดอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงกวาดล้างเด็กแว๊นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนมีการตั้งศูนย์บริหารงานจราจร ตร. ศึกษาปัญหาและเสนอแก้ไขกฎหมายจราจร เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลียนแปลงไป
รวมทั้งตั้งศูนย์ปราบปรามการแข่งรถในทาง หรือ ศปข.ตร. ขึ้นมา มีศูนย์โซเชียล ตร. เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบการแข่งรถในทางทั่วประเทศ ประสานข้อมูลกับตำรวจพื้นที่ เพื่อให้ติดตามสืบสวนจับกุม และรายงานผลการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ไม่ปล่อยให้ตำรวจพื้นที่ทำงานอย่างโดดเดี่ยว รวมถึงอบรมให้ความรู้เยาวชนตามสถานศึกษา ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถแก้ไขปัญหาเด็กแว๊นได้อย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นผลงานที่สำคัญของรัฐบาลและ ตร.
สำหรับผลงานที่ทำให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เป็นที่ยอมรับจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ มากที่สุดคือ การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตร. หรือ ศปอส.ตร. มีผลงานปราบปรามทั้งแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีการขยายผลไปจับกุมถึงประเทศกัมพูชา ด้วยความเป็นตำรวจที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี จึงได้รับความร่วมมือจากผู้นำตำรวจกัมพูชาเป็นอย่างดี รวมถึงการกวาดล้างเครือข่ายพนันออนไลน์ และการหลอกลวงทางไซเบอร์ทุกประเภทอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ยังได้สร้างระบบ “การรับแจ้งความผ่านระบบออนไลน์” ที่ทันสมัยเข้ากับยุคดิจิตัล ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายมากๆ เพราะเป็นการปฏิวัติรูปแบบการรับแจ้งความครั้งสำคัญ ตามแนวความคิดและนโยบายของ รัฐบาล 4.0 และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ปรมาจารย์นักสืบยุค 5G อีกด้วย
โดยสามารถดึงตำรวจที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยี และการสืบสวนสอบสวน มาช่วยวางระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ทำให้ประชาชนที่ตกเป็นผู้เสียหาย สามารถแจ้งความและติดตามคดีได้สะดวกขึ้น มองเห็นตัวเลขสถิติคดีออนไลน์ และแยกแยะรูปแบบกลโกงออกมาได้ทั้งหมด เห็นความเชื่อมโยงของคดี ตลอดจนติดตามอายัดเงินในบัญชีได้รวดเร็วขึ้นกว่าในอดีต อีกทั้งยังทำสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนไม่หลงตกเป็นเหยื่อ
รวมถึงเพิ่มความรู้ให้กับข้าราชการตำรวจ ที่ทำงานด้านไซเบอร์ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้ริเริ่มทำข้อตกลงความร่วมมือ ก.อว. เพื่อพัฒนาข้าราชการตำรวจ ส่งไปศึกษาระดับปริญญาโท ด้าน Cyber security ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา จีน สเปน และเยอรมนี ปีละ 12 ทุน
“ หัวใจของการทำงานให้มีประสิทธิภาพ คือ การประเมินผล” สานต่อโครงการที่ดีของอดีตผู้บังคับบัญชา มาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาองค์กร เป็นคำที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ มักจะกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ นับได้ว่า นายตำรวจท่านนี้ เป็นทั้งนักปฏิบัติที่ผ่านประสบการณ์ทุกรูปแบบ และเป็นนักบริหารตัวจริงที่สร้างรากฐานวางรูปแบบการทำงานให้กับ ตร. อย่างมากมาย
ขอบคุณข้อมูลข่าวสาร ภาพ/ข่าว
cr.พี่ ART POLLICE TV /พิทักษ์