ไปร่วมชมนิทรรศการพระบารมีปกเกล้าเหล่าปวงประชา ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 จัดขึ้น ณ อาคารมาลีนนท์ เมื่อวันก่อน โดยหลังจากเสร็จสิ้น ณเดชน์ คูกิมิยะ ก็ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาได้พยายามน้อมนำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาใช้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะทุกคำสอนของพระองค์มุ่งให้คนเป็นคนดี และถ้าสังคมมีคนดีมากๆ ประเทศก็จะมีความสงบและเจริญก้าวหน้า
“ส่วนตัวผมอาจไม่ได้น้อมนำหลักคำสอนของพระองค์มาใช้ทุกข้อ แต่จะทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากให้ทุกคนร่วมมือช่วยกันให้ประเทศมีแต่ความสงบ สุจริตและก้าวหน้าไปด้วยกัน” ณเดชน์กล่าว และว่าที่ผ่านมาแม้ไม่มีโอกาสได้ถวายงานพระองค์ หากก็พยายามดำเนินชีวิตตามรอยพ่อด้วยการช่วยเหลือสังคม
“สิ่งที่ผมได้ทำเป็นเรื่องของความพอเพียง เราไม่ต้องการอะไรแล้ว ก็เลยมองออกไปสู่สังคมว่าสังคมต้องการอะไร ตรงนี้ทำให้ผมมีโอกาสไปทำหลายๆอย่าง เช่น ไปช่วยเหลือพื้นที่ขาดแคลน ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เราได้ตามรอยพ่อเหมือนกัน”
ณเดชน์ในวัย 24 ปีบอกอีกว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ท่านได้ตรัสไว้ รวมถึงโครงการต่างๆ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา บางครั้งอาจจะตั้งใจฟังบ้าง ไม่ตั้งใจฟังบ้าง แต่สิ่งเหล่านี้หมุนเวียนอยู่ในสมองของเราและจิตใต้สำนึก และน้อมนำมาใช้ตลอด”
ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
“จะทำในสิ่งที่เราได้ทำมาต่อไปครับ อาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก และไม่ได้ทำบ่อย แต่ผมก็รู้สึกว่าเรามีประโยชน์ต่อแผ่นดินและคนอื่นๆ ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนก็ทำแบบนี้เหมือนกัน อย่างภาพที่เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นที่สนามหลวงและหน่วยงานต่างๆทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยก็น้อมนำสิ่งที่พระองค์สอนมาใช้”
สำหรับเรื่องการทำบุญที่มักทำเป็นประจำกับครอบครัว รวมถึงคนใกล้ชิดอย่าง ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ นััน ณเดชน์กล่าวว่า ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลังในการนับถือศาสนา
“อย่างหนึ่งที่ผมระลึกถึงก็คือเราเป็นนักแสดง เป็นแบบอย่างให้กับสังคม ซึ่งสิ่งที่เราทำได้ก็อยากให้คนที่นับถือศาสนาพุทธเคารพรักพระพุทธศาสนาไว้ ลูกๆหลานๆก็จะได้เรียนรู้ด้วย เพราะสิ่งสำคัญไม่ว่าเราจะเจอปัญหาอะไรมา สุดท้ายก็ต้องกลับไปหาพระพุทธศาสนาอยู่ดี เป็นสิ่งสุดท้ายที่ชีวิตต้องการหาอยู่ดี ถ้าอายุมากขึ้นเราก็ต้องเข้าวัดนุ่งขาวห่มขาวอยู่ดี ฉะนั้นเราก็เข้าหาตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า และยังได้เป็นแบบอย่างให้แก่คนรุ่นหลังด้วย” ณเดชน์กล่าวในที่สุด