ดูไม่จืดเลยสำหรับขุนพลอสูรแดง “แมนฯ ยูไนเต็ด” ที่ฟอร์ม 3 วันดี 4 วันไข้ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ภายใต้การคุมทีมของ “โจเซ่ มูรินโญ่” หลังจากพาทีมบุกแพ้ “เฟเนร์บาห์เช่” 1-2 ซึ่งถ้าเป็นยุคของ “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” เหล่าสาวกอสูรแดงคงไม่ต้องมานั่งกุมหัวแบบนี้
ฤดูกาลนี้ต้องยอมรับว่าฟอร์มการออกสตาร์ตของทีมทำได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง จากการลงสนาม 10 นัด ชนะ 4 นัด เสมอ 3 นัด และแพ้ 3 นัด ฟอร์มแบบนี้จะไม่มีปัญหาเลยถ้าทีมเป็นแค่ทีมระดับกลางหรือทีมที่มีเป้าหมายในการอยู่รอดปลอดภัยในลีก แต่นี้คือทีมที่ต้องการ “ความสำเร็จ” คืนมา
แน่นอนว่าตัวผู้เล่นของน้ามูตอนนี้ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของแฟนบอลได้ โดยเฉพาะปัญหาที่ไม่ใช่แค่แนวรับที่เสียไปแล้วในลีกถึง 12 ลูก ถือว่าเยอะกว่าบรรดาทีมใหญ่ด้วยกันซะอีก
โดยเกมกับ “เฟเนร์บาห์เช่” ที่เสียประตูตั้งแต่เริ่มเกมไปเพียงแค่ 2 นาที แต่ในอีกมุมนึงใครจะไปคิดว่าลูกแรกที่เสีย ทั้ง “ดาลีย์ บลินด์” กับ “มาร์กอส โรโฮ” คงไม่คิดว่า “มุสซ่า โซว์” จะยิงด้วยท่าจักรยานอากาศ
ทำให้หลังจากนั้น ขุนพลอสูรแดงต้องมาเล่นเกมรุกทั้งๆที่เป็นทีมเยือน และน้ามูเองคงไม่ได้ให้ลูกทีมมาเล่นเกมรุกก่อนอยู่แล้วตามสไตล์ของตัวเอง จึงไม่แปลกว่าทำไมเจ้าตัวถึงโกรธและออกมาสับลูกทีมผ่านสื่อหลังจบเกม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของทีมในขณะนี้ไม่ใช่แค่แนวรับเท่านั้น แต่ “เกมรุก” หรือ “ความเฉียบคม” ในการยิงประตู ก็เป็นเรื่องที่จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ในเวลาที่กองหน้าตัวความหวัง “ซลาตัน อิบราฮิโมวิช” ยิงไม่ได้ 7 นัดติดต่อกัน “มาร์คัช แรชฟอร์ด” พอพึ่งได้ในลีก แต่เวลาเจอกองหลังเก๋าๆอย่างฟุตบอลยุโรปก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน “อ็องโตนี่ มาร์กซิยัล” ฟอร์มตก ขณะที่ปีศาจตือโป๊ยก่าย “เวย์น รูนี่ย์”ที่ลงมาเป็นตำสำรองยิงตีไข่แตกได้ แต่ภาพรวมคือ “หมดสภาพ”
เกมตรงกลางก็ไม่มีความแน่นอน ยิ่ง “พอล ป็อกบา” ที่ใช้เงินหลักร้อยล้านเพื่อดึงเข้ามาร่วมทีมอาจจะเก่งจริง แต่ก็เคยบอกเอาไว้ว่าไม่ใช่นักเตะที่สามารถสร้างความแตกต่างหรือลงมาพลิกเกมได้ แถมล่าสุดเจ็บไปเรียบร้อยแล้ว “มอร์แกน ชไนเดอลิน” กับ “อันเดร์ เอร์เรร่า” ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้จากนัดที่ผ่านๆมา เล่นได้แค่ประคองตัวแต่ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับทีมขนาดต้องเป็นนักเตะตัวสำคัญ
มาถึงตรงนี้ไม่แปลกที่ “โจเซ่ มูรินโญ่” จะยอมกลืนน้ำลาย ลดทิฐิของตัวเองที่จะเอา “ชไวนี่” บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กลับมา โดยให้ร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่ หลังจากตอนแรกไม่ยอม ไม่ชอบ ไม่ใช้อดีตกลางกลางทีมชาติเยอรมันดีกรีแชมป์โลกคนนี้ พร้อมกับขึ้นบัญชีขายและส่งลงไปซ้อมกับทีมเยาวชน
จริงๆมีตัวอย่างมากมายที่กุนซือยอมกลืนน้ำลายตัวเองเพื่อทีม ในอดีตถ้าจำกันได้ในสมัยที่ “ฟาบิโอ คาเปลโล่” คุมทีม “เรอัล มาดริด” และตัดสินใจไม่ใช่ “เดวิด เบ็คแฮม” ในตอนแรกเพราะไม่ชอบ แต่สุดท้ายก็ยอมเรียกเบ็คแฮมกลับมา และสร้างประโยชน์ให้กับทีมจนสามารถกลับมาเป็นแชมป์ “ลา ลีกา”ได้
ในกรณีของ “ชไวนี่” ไม่แน่อาจจะเหมือน “เบ็คแฮม” ก็ได้ใครจะไปรู้ ยิ่งฝีเท้าหรือประสบการณ์ที่เป็นตัวหลักของ “บาเยิร์น มิวนิค” ชุดแชมป์และรองแชมป์ยุโรปมาแล้ว หรือเยอรมันชุดแชมป์โลก เชื่อว่าต้องเป็นประโยชน์กับ “แมนฯ ยูฯ” แน่นอน ในช่วงเวลาที่ “กองกลางคนอื่น” หวังอะไรไว้ไม่ได้
สุดท้ายบางที อดีตมิดฟิลด์แชมป์โลกคนนี้อาจจะเป็น “จุดเปลี่ยน” ให้ทีมกลับมาก็ได้ และอาจจะได้เห็นเจ้าตัวมีชื่อในเกมสัปดาห์นี้กับ “สวอนซี” หลังจาก “เฮนริค มคิตาร์ยาน” อีกหนึ่งมิดฟิลด์ที่น้ามูไม่ต้องการ ลงเล่นในเกมล่าสุดมาแล้วครับ