เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ บริเวณสนามหลวง บอมบ์-ธนิน มนูญศิลป์ พระเอกช่อง 3 พร้อมด้วยกลุ่มแฟนคลับจิตอาสามาช่วยเก็บขยะและแจกอาหารและขนมให้กับประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
‘บอมบ์’ กล่าวว่า “วันนี้เดินทางมาเป็นจิตอาสาที่สนามหลวงเป็นครั้งที่สองแล้ว ถือโอกาสชวนแฟนคลับมาช่วยเก็บขยะด้วย ใจจริงผมอยากจะมาตั้งนานแล้วแต่ว่าคิวไม่ได้ วันนี้เลยตั้งใจเคลียร์คิวทุกอย่างเพื่อจะมา ก่อนหน้านี้ผมเคยมาครั้งหนึ่งก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นพี่ๆ น้องๆ มาช่วยกันเป็นจิตอาสา ได้เจอกับคนที่เขารักพ่อเหมือนกันเลยอยากมาอีก นอกจากจะเก็บขยะแล้วก็ยังมาช่วยแจกขนมและยาดมด้วยเพราะอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนและมีประชาชนมาเยอะ หลายคนอาจจะวิงเวียนและเป็นลมได้”
“ผมตื่นตันที่เห็นคนมากันมากมายอย่างที่บอกว่าอากาศร้อนมากจริงๆ ไม่ได้เป็นอุปสรรคของความตั้งใจนี้ได้เลย ทำให้ผมยิ่งอยากมาช่วยเหลือ ถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้เข้าไปสักการะพระบรมศพข้างใน แต่แค่ช่วยอำนวยความสะดวกคนอื่นได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว” พระเอกหนุ่มกล่าว
พระเจ้าอยู่หัวมีความหมายยังไงกับตัวเราบ้าง บอมบ์ตอบว่า “มีอยู่หลายคืนที่ผมนอนคิดว่าถ้าจะลองซักหนึ่งคำมาเปรียบว่าพระองค์ท่านเหมือนกับอะไร หากในร่างกายของเราเอามีอวัยวะสำคัญที่สุดคือหัวใจ ผมหาคำที่เหนือกว่านี้ไม่ได้ แต่มั่นใจว่าพระองค์ท่านมีความหมายมากกว่าคำนั้น”
“ตอนเป็นเด็กคุณแม่จะพูดถึงพระองค์ท่านให้ฟังอยู่บ่อยๆ แต่พูดตามตรงว่าตอนนั้นไม่เข้าใจ จนโตขึ้นมาถึงได้รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นต้นแบบในหลายๆ เรื่อง ถ้าใกล้ตัวผมมากที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องของกีฬาและดนตรี พระองค์ท่านอยากที่จะสอนให้ทุกคนรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ต่อการเล่นกีฬาเล่นดนตรีนอกจากจะได้สุขภาพที่ดีแล้วยังได้มิตรภาพเพิ่มขึ้นด้วย คำสอนหนึ่งที่ผมยึดหลักมาตลอดคือเรื่องความพอเพียง ถ้ามีเงินก้อนหนึ่งก็จะแบ่งไว้เป็นส่วนที่เก็บออม เหลือจากนั้นจะเอาไปใช้ในสิ่งที่จำเป็น ซึ่งก็จะเห็นว่ามีหลายคนแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงจนสามารถปลดหนี้เป็นล้านๆ บาทได้” บอมบ์กล่าว
ที่ผ่านมาเคยมีโอกาสรับเสด็จหรือถวายงานสำคัญบ้างไหม พระเอกหนุ่มกล่าวว่า “ไม่เคยมีโอกาสเลยครับ เพิ่งจะมีโอกาสไปร่วมส่งเสด็จวันที่เคลื่อนพระบรมศพจากโรงพยาบาลศิริราชมาที่พระบรมมหาราชวัง แค่ได้เห็นแสงไฟอีเมอร์เจนซี่บนรถที่วิ่งมา แค่นั้นผมก็น้ำตาไหลแล้วครับ”