ยังมีความเห็นที่ไม่สอดคล้องต้องตรงกันอยู่ ระหว่างชาวนาที่เรียกร้องให้รัฐเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือเรื่องราคาในฤดูกาลผลิตนี้ กับฝ่ายรัฐบาลที่มีขีดจำกัดในเรื่องงบประมาณ
มาตรการล่าสุดที่ออกมา รัฐบาลกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกในชื่อเรียกของการจำนำยุ้งฉางเบื้องต้นเอาไว้ที่ 8,730 บาทต่อตัน และเมื่อบวกค่าช่วยเหลืออื่นๆ เข้าไปแล้วเงินช่วยเหลือสูงสุดจะอยู่ที่ระดับประมาณ 13,000 บาท
แต่โดยเฉลี่ยแล้วส่วนใหญ่ชาวนาจะได้รับเงินช่วยเหลือประมาณตันละ 11,000 บาท
ซึ่งตัวแทนชาวนาเรียกร้องว่าเงินประกันรายได้จากการปลูกข้าว หากจะให้สามารถครองชีพต่อไปได้
ขั้นต่ำน่าจะอยู่ที่ 12,000 บาทขึ้นไป
ประการหนึ่ง เพราะชาวนาส่วนใหญ่ไม่มียุ้งฉางของตนเอง และไม่มีการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ไม่มียุ้งฉางกลาง
ทำให้ต้องรีบเร่งระบายข้าวที่เก็บเกี่ยว ไม่เช่นนั้นค่าความชื้นจะสูงขึ้น และราคารับซื้อจาก โรงสีก็จะลดต่ำลงไปอีก
ประการหนึ่ง ราคาข้าวที่รัฐประกาศรับจำนำนั้น เป็นข้าวหอมมะลิที่มีส่วนแบ่งการผลิตและการตลาดไม่มากนัก
ในขณะที่ข้าวที่มีราคาต่ำที่สุดจริงๆ คือข้าวเบาที่มีการผลิตกันปีละหลายรอบ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่คุ้มกับต้นทุนที่ลงไป
ความแตกต่างนี้เป็นเรื่องที่ยังต้องเจรจาหาข้อยุติต่อไปให้รวดเร็วที่สุด
แต่มาตรการทั้งหมดที่ปรากฏจากฝ่ายรัฐ และจากการเรียกร้องของฝ่ายชาวนาเอง ย่อมยืนยันได้ว่าความเดือดร้อนจากปัญหาราคาข้าวตกต่ำเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ไม่ได้เป็นการเสกสรรปั้นแต่งหรือเป็นแผน การทำล้ายทางการเมืองของฝ่ายใดที่จ้องกระทำ กับใคร
ฉะนั้น แทนที่จะเสียเวลาในการตั้งคำถามหรือหมกมุ่นเคียดขึ้งเพราะมีความเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเป็น “ทฤษฎีสมคบคิด”
ผู้รับผิดชอบต่อปัญหาควรใช้เวลาและสติปัญญาในการติดตามแก้ไขปัญหาของชาวนาและเกษตรกรให้ลุล่วงไปมากกว่า
ทำได้เช่นนั้น ไม่ว่าปัญหา คำติฉินนินทา หรือแรงเสียดทานใดๆ ก็ไร้ความหมาย