ชีวจิตแนะนำคุณเสมอว่า การกินอาหารไม่เลือกก็อาจทำร้ายสุขภาพของคุณได้ จึงอยากชวนคุณมารู้จัก 4 อาหารที่อาจทำให้ร่างกายคุณเสื่อมทรุดโทรม และ แก่ ก่อนวัยโดยไม่รู้ตัว …เรียกว่าเป็น “อาหารต้องห้าม” ก็คงไม่ผิดนัก
อาจารย์สาทิส กูรูต้นตำรับชีวจิต เคยบอกไว้ในคอลัมน์ ปั้นชีวิตใหม่ด้วยชีวจิต ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 7, 14, 21, 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ว่ามีอาหารบางชนิดที่ส่งผลเสียต่อร่างกายในระดับเซลล์ จนทำให้เกิดการอักเสบและส่งผลเสียต่อร่างกายในหลายทาง หนึ่งในนั้นคือส่งผลต่อความงามของผิวพรรณ โดยจะทำให้ผิวของคุณหย่อนคล้อย รูขุมขนกว้าง เป็นผดผื่นคันง่าย หรือมีสิวเป็นๆ หายๆ เรื้อรังเสมอ
อาหารที่ว่ามีดังนี้ค่ะ
1.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แพทย์หญิงสายชลี ทาบโลกา อธิบายเพิ่มเติมถึงเหตผลที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลเสียต่อสภาพผิว เนื่องจาก…
“เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเข้าไปทำให้เซลล์ตับเสื่อมลง ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ หรือฟรีเรดิคัลในร่างกาย ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผลคือทำให้แก่เร็ว และพลังงานที่เราได้จากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะสะสมเป็นไขมันในร่างกาย ตัวอย่างเช่น การดื่มเบียร์ที่นอกจากทำให้แก่ยังทำให้อ้วนด้วย อีกทั้งยังทำให้ฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายทำงานไม่ปกติค่ะ
“ยิ่งกว่านั้น ในชั้นไขมันของผู้ชายจะมีเอนไซม์ที่เปลี่ยนฮอร์โมนโทสโทสโทอโรน (Testosterone)ให้เป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)เช่นเดียวกับในผู้หญิง ถ้าดื่มเบียร์มากๆ ผู้ชายจะมีหน้าอกใหญ่ขึ้น เส้นขนตามร่างกายน้อยลง และดูอ้วนฉุๆ ที่สำคัญคือ ดูแก่กว่าอายุค่ะ”
2.ผักหรือผลไม้ดอง
จากข้อมูลของกรมวิทยาศาตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยว่า สิ่งที่ปนเปื้อนมากับอาหารหมกดองที่ผลิตอย่างไม่ได้มาตรฐานมีจะนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเกลือปริมาณสูง ซึ่งจะทำให้ไตทำงานหนัก อีกทั้งยังมีสีผสมที่อาจไม่ได้มาจากธรรมชาติ หลายครั้งตรวจพบโลหะหนักเจือปน และมีขัณฑสกร (ดีน้ำตาล) จำนวนมากเพื่อเพิ่มความหวาน
สารประกอบที่กล่าวมาเหล่านี้จะทำให้เซลล์ในร่างกายทำงานผิดปกติ ถ้าภูมิต้านทานเดิมไม่ดีอยู่แล้ว โอกาสที่จะเจ็บป่วยหลังการกินผัก-ผลไม้ดองจะมีสูงมาก นอกจากนี้อาหารหมักดองยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว เนื่องจากทำให้ผิวแห้งแตก เพราะร่างกายขาดน้ำอ่างรุนแรง เป็นผลมาจากเกลือและขันฑสกรที่ผสมอยู่ นำไปสู่การอักเสบในระดับเซลล์ของผิว และตามมาด้วยความแก่ร่วงโรยนั่นเอง
3.อาหารหวานจัด
น้ำตาลที่อยู่ในอาหารร้ายกว่าที่คุณคิดนะคะ เพราะหากกินเข้าไปมากๆ นอกจากจะเสี่ยงด้วน และเสี่ยงป่วยเป็นโรคเบาหวานแล้ว ยังส่งผลร้ายต่อผิวด้วย ดังที่แพทย์หญิงสายชลีอธิบายไว้
“การที่โมเลกุลของน้ำตาลเข้าไปเกาะที่ดีเอ็นเอซึ่งเป็นสารพันธุกรรม จะทำให้ “แก่ระดับเซลล์” เรียกว่า ปฏิกิริยาไกลเคชั่น (Glycation)ซึ่งทำให้เกิดการข้ามสายพันธุ์โมเลกุล (Cross-linking) ส่งผลให้หลอดเลือดแดงแข็งและเปราะ เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
“ข้อเสียที่ตามมา คือ คอลลาเจนใต้ผิวถูกทำลาย ส่งผลให้หน้าไม่เด้ง เกิดรอยเหี่ยวย่นที่ผิวหนัง ทำให้ดูหน้าแก่ อีกทั้งข้อต่อแข็ง ไม่ยืดหยุ่น ร่างกายจึงดูแก่ตามมา นอกจากนี้การเผาผลาญน้ำตาลในปริมาณมากยังทำให้เกิดการหลั่งสารอักเสบ ซึ่งสัมพันธุ์กับโรคเกี่ยวกับการอักเสบ เช่น โรคปวดข้อรูมาทอยด์ เป็นต้น
“ยิ่งกว่านั้น การเกิดฟรีเรดิคัล หรืออนุมูลอิสระ ยังทำให้ร่างกายแก่ลง ถ้าไม่อยากหน้าแก่ควรลดน้ำตาลจะดีกว่าค่ะ”
4.อาหารที่มันเยิ้ม
ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ หรือน้ำมันจากเนย ขนมขบเคี้ยว และอาหารอื่นๆ ที่มีไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์ (Trans Fat) แทรกอยู่ เช่น เนื้อวัว หรือเนื้อควาย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภที้ เพราะไขมันร้ายเหล่านี้จะทำให้เม็ดเลือดขาวจับตัวเป็นก้อน เรียกว่า โฟมเซลล์ (Foam Cells)ที่ส่งผลให้ภูมิชีวิตตกลง และสุขภาพแย่ลง รวมถึงสุขภาพผิวด้วย
นอกจากนี้การกินอาหารมันเยิ้มยังทำให้คอเลสเตอรอล ซึมผ่านไปในผนังหลอดเลือดแดง ก่อนแตกตัวและปล่อยฟรีเรดิคัล หรืออนุมูลอิสระออกมาทำร้ายเซลล์ ทำให้เซลล์เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เกิดการอุดตันและปริแตกของผนังหลอดเลือด น้ำไปสู่การอักเสบเรื้อรังในทุกส่วนรวมถึงผิวในที่สุด
อาจารย์สาทิสจึงย้ำว่า การกินอาหารทั้ง 4 กลุ่มนี้เข้าไป จะทำให้ร่างกายมีต้องพยายามดึงภูมิต้านทานมาสร้างเกราะป้องกันเซลล์ ส่งผลให้ร่างกายทำงานหนัก และเกิดภาวะ “เสื่อมก่อนวัย” ในระบบร่างกายส่วนต่าง ผิวเหี่ยวย่น หน้าแก่เร็ว ดูไม่สดใส ไม่น่ามองนั่นเองค่ะ
ขอบคุณข้อมูล นิตยสารชีวจิต