เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.65 เวลา 12.30 น.ที่ลานเอนกประสงค์ (บช.น.) นางสาวปลา (นามสมมุติ) อายุ44 ปี เดินทางเข้าร้องเรียน กับ พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.ฝอ.5 บช.น.เพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่อพล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ในกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในสังกัดนครบาล รายหนึ่งยศ สิบตำรวจโท ซึ่งเคยคบหากันมีพฤติกรรมเสพยาเสพติดและติดการพนันออนไลน์ โดยนำทรัพย์สินเงินทองของตนไปจำนำโดยอ้างว่าหยิบยืมและจะนำมาคืนให้ซึ่งรวมมูลค่านับล้านบาท หลังร้องเรียนทางต้นสังกัดกลับตอบมาว่าทำได้แค่ว่ากล่าวตักเตือน
นางสาวปลา (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี เปิดเผยว่า เนื่องจากตนเปิดร้านขายของอยู่ในพื้นที่ของตำรวจนายดังกล่าวและถูกตำรวจนายนี้ล็อคล้อรถยนต์เป็นประจำ จึงมีความสนิทคุ้นเคยกัน และเริ่มคบหากันเมื่อเดือนกันยายน ปี 2563 ผ่านไปประมาณ 1 ปี ตำรวจรายดังกล่าวขอให้ช่วยใช้หนี้ โดยขอยืมเงินแล้วจะใช้คืนให้ หากช่วยจะถือเป็นการขอบคุณอย่างมาก นางสาวปลาฯ จึงตัดสินใจโอนให้ครั้งละไม่ต่ำกว่าพันบาท โดยแรกๆมีการโอนเงินมาคืนบางส่วน ต่อมามีการนำทรัพย์สินไปจำนำ รวมเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านกว่าบาท แต่เงินที่ได้คืนมาเพียง 7,800 บาท ซึ่งเป็นเงินค่าดอกเบี้ยโรงรับจำนำเท่านั้น ส่วนทรัพย์สินที่ถูกนำไปจำนำยังไม่มีการได้คืนสักชิ้น ซึ่งตำรวจรายดังกล่าวอ้างว่าเดือดร้อน และมีการเล่นการพนันออนไลน์-เสพยาเสพติด และมีการไปกู้เงินผ่านแอปทางออนไลน์ด้วย ที่ตนให้เพราะไว้เนื้อเชื่อใจเนื่องจากมีการคบหากัน และเกิดความสงสาร ที่อ้างว่ามีเจ้าหนี้โทรมาทวงเงินครั้งละ 30,000 บาทและอ้างว่าไม่อยากทำให้แม่ผิดหวังหากชีวิตดีขึ้นจะนำเงินมาคืนให้ ทรัพย์สินที่ตนนำไปจำนำเป็นของแม่ อาทิ เครื่องเพชร เครื่องประดับ มีการพาไปเจอพ่อแม่ญาติพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัด หลังจากที่เคยรับปากว่าจะคืนเงินให้และตนไม่ได้เงินคืน จึงตัดสินใจไปร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดหลายหน่วยงานเรื่อยมา สิ่งของที่นำไปจำนำรวมตั๋วจำนำ 13 ใบสิ่งของหลายรายการ รวมมูลค่า 380,500 บาท เมื่อไปร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด กลับบอกให้ไปคุยกันเอาเอง และไม่มีการลงโทษแต่อย่างใดโดยให้เหตุผลว่าเป็นการว่ากล่าวตักเตือนไป ส่วนทรัพย์สินของตนนั้นก็ไม่ได้คืน ซึ่งคิดว่านี่เรามาพึ่งตำรวจแต่กลับกลายเป็นแบบนี้ ทำให้ต้องเดินทางมาที่ บช.น. ส่วนการร้องเรียนพฤติกรรมเสพยาของตำรวจคนดังกล่าวทางต้นสังกัดแจ้งว่าไม่มีหลักฐานขณะเสพซึ่งตนยืนยันว่าเคยเห็น ทั้งนี้อยากให้ตำรวจคนดังกล่าวออกมารับผิดชอบสิ่งตนเองทำอีกด้วย
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน