เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระโกศ พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในวันนี้ตั้งแต่เช้ามืดยังมีประชาชน ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยเดินทางมาทั้งแบบหมู่คณะ ครอบครัว ทยอยเข้าร่วมถวายสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้มีประชาชนเดินทางมาเป็นจำนวนมากกว่าหลายวันที่ผ่านมา
ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อาสา รด. คอยตรวจตรารอบพื้นที่อย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินเข้ามาบริเวณสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง ต้องผ่านจุดคัดกรอง 8 จุด ของเจ้าหน้าที่ที่จะตรวจค้นกระเป๋า ร่างกาย และตรวจบัตรประชาชนและหนังสือเดินทางอย่างเข้มงวด เพื่อป้องการแก๊งมิจฉาชีพที่อาจจะเข้ามาปะปนกับประชาชน ก่อเหตุลักขโมยในพื้นที่จัดงาน พร้อมทั้งมีตำรวจม้า และสุนัขตำรวจเดินลาดตระเวนรอบพระบรมมหาราชวัง เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เริ่มคัดกรองผู้สูงอายุ หรือบุคคล ที่นั่งรถเข็นว่ามีอาการเจ็บป่วย หรือเดินไม่ไหวจริงหรือไม่ เพื่อป้องกันการฉวยโอกาส เนื่องจากผู้ป่วยที่นั่งรถเข็นไม่ต้องต่อคิวเพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพ สำหรับเจ้าหน้าที่กองโยธาธิการของกทม. ยังคงนำรถบดและรถไถ เข้าเร่งปรับปรุงพื้นที่สนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เพื่อเตรียมพื้นที่กางเต็นท์รองรับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่เต็นท์กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีมอบใบ ประกาศนียบัตรให้กับ นักเรียนนายเรืออากาศ กรงเพชร จันทร์ทะธรรม นักเรียนชั้นปีที่ 4 โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทรกษัตริยาธิราช จากการที่เสียสละเสี่ยงชีวิต ช่วยเหลือเด็กที่วิ่งข้ามถนนระหว่างการปิดกั้นจราจร ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมประชาชนที่รอเฝ้าสักการะพระบรมศพ กระทั่งตนเองถูกชนได้รับบาดเจ็บ
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า การมอบใบประกาศนียบัตรครั้งนี้ เพื่อเป็นการยกย่องในการเสียสละชีพเพื่อประชาชน นับได้ว่าเป็นการนำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ สมเกียรติชายชาติทหาร โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง ดังนั้น จึงขอขอบคุณนนอ.กรงเพชร และผู้บังคับบัญชาที่ได้อบรมฝึกฝน และขอให้รักษาคุณงามความดีไว้ตลอดไป และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่มาร่วมกัน ปฎิบัติหน้าที่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
“ในนามของแม่ทัพภาคที่ 1 ขอชื่นชมในพฤติกรรมของนนอ.กรงเพชรในครั้งนี้ จนตัวเองได้รับบาดเจ็บ นั่นแปลว่ามีจิตใจที่เป็นจิตอาสาโดยแท้จริง ในการทำความดีนั้นไม่จำเป็นจะต้องเพียงเจ้าหน้าที่ทหาร แต่ทุกคนสามารถทำได้และขอให้กรณีนี้เป็นแบบอย่างที่ดีในการทำความดีถวายพระองค์ท่าน และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือกัน” แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
ด้าน นนอ.กรงเพชร กล่าวว่า เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นช่วงที่ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่ควบคุมประชาชน และได้มีเหตุเด็กคนหนึ่งวิ่งออกมาจากรั้วกั้น ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับรถยนต์ที่วิ่งสวนออกมา ตนจึงตัดสินใจพุ่งตัวเข้าโอบกอดเด็กไว้เพื่อช่วยชีวิต จนกระทั่งได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
“จังหวะนั้นมีรถกระบะวิ่งสวนออกมาพอ กลัวว่าจะชนเด็กผมเลยวิ่งเข้าไปช่วย แล้วประตูแคปด้านขวาไม่ได้ปิดสนิทจึงกระแทกเข้าที่หางคิ้วด้านขวาเป็นแผลเล็กน้อย ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำ ในเมื่อได้รับเกียรติให้ถวายงานแด่พระองค์ท่าน จึงต้องทำให้ดีที่สุด โดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง คิดอย่างเดียวว่าเด็กต้องปลอดภัย” นนอ.กรงเพชร กล่าว
นนอ.กรงเพชร กล่าวอีกว่า สำหรับการได้รับมอบใบประกาศนียบัตรนั้น ตนรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ในการทำความดีนั้น ไม่จำเป็นต้องให้ใครได้รับรู้ เพียงแค่มีจิตใจที่เป็นจิตอาสา แต่เหตุการณ์ดังกล่าวที่ตนได้กระทำไปนั้นมีผู้บันทึกเหตุการณ์พอดี ทั้งนี้ ยังมีกลุ่มจิตอาสาและเจ้าหน้าที่อีกหลายฝ่ายที่คอยดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน ตนจึงขอยกย่องผู้คนเหล่านั้นเช่นกัน
“ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ทำแบบนี้ เพราะยังมีอีกหลายคน เช่น แพทย์หญิงที่กำลังตั้งท้องก็เข้ามาช่วยเหลือ ทั้งเด็กและตัวผมเองให้ปลอดภัย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิต่างๆ ที่คอยให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้” นนอ.กรงเพชร กล่าว