จี้ต่อ คนสั่ง-คำสั่ง ชอบหรือไม่ ระบุ ส่งผลต่อการแต่งตั้ง ปธ.ศาลฎีกา คนต่อไป
นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ อดีตประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีที่ได้ยื่นร้องเรียนการกระทำของเจ้าพนักงานของรัฐ ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. )ให้ตรวจสอบการกระทำของ นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล รองประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ กรณีถูกร้องเรียนว่าได้หาเสียงเลือกตั้ง (ก.ต.) บุคคลภายนอกในไลน์ “สภาตุลาการ” ทั้งที่มีหน้าที่เป็น (ก.ต.)
ซึ่งต่อมา มีการสั่งยุติการสอบสวน ในเรื่องดังกล่าว โดยอ้างว่า ชื่อบัญชีใน แอพลิเคชั่นไลน์ ว่า พิสูจน์ไม่ได้ว่า คือ นายอนุรักษ์ฯ ว่า ล่าสุด ตนเองได้รับแจ้งจาก สำนักงานศาลยุติธรรม ว่า สำนักเลขาฯ ครม. แจ้งมายังสำนักงานศาลยุติธรรม ว่า นายชำนาญฯ โต้แย้งว่า คำสั่งยุติการสอบสวน นั้น ไม่ถูกต้อง ขอให้ดำเนินการสอบสวนใหม่
ตนเองจึงทำหนังสือ อีกฉบับสอบถามไปยัง สำนักงานศาลยุติธรรม ว่า ใครเป็นผู้ออกคำสั่งให้ยุติการสอบสวน ในเรื่องดังกล่าว และ คำสั่งที่ให้ยุติการสอบสวน เรื่องร้องเรียนนายอนุรักษ์ฯ นั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ ต้องรอหนังสือตอบกลับจาก สำนักงานศาลยุติธรรม มาถึงตนเองก่อน จากนั้นจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
อดีต ปธ.แผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อร้องเรียน ดังกล่าว นั้น มีผลต่อการแต่งตั้งในตำแหน่งสำคัญต่างๆ ที่ผ่านมาแล้วกว่า 9 เดือน
ยังไม่สามารถ นำความกราบบังคมทูล ขึ้นทูลเกล้า ในตำแหน่งสำคัญของผู้พิพากษาได้
นอกจากนี้ การตรวจสอบข้อร้องเรียนดังกล่าว ยังส่งผลต่อการแต่งตั้ง ประธานศาลฏีกา คนต่อไป เนื่องจากในการประชุม คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือ (ก.ต.) ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ จะมีวาระการพิจารณาแต่งตั้ง ตำแหน่งประธานศาลฎีกา รวมถึง การลงมติ พิจารณาในตำแหน่งสำคัญในสำนักงานศาลยุติธรรม ด้วย
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน