เจ้าของเพลงฮิต ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน และ คู่คอง อย่าง ก้อง ห้วยไร่ ก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากคนไทยทั้งประเทศ เมื่อได้รับทราบข่าวแถลงการณ์จากสำนักพระราชวัง เรื่อง เสด็จสวรรคต ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
ก้อง ได้พูดถึง รูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ติดบนฝาบ้าน ที่จังหวัดสกลนคร ให้ฟังว่า..
…ผมเป็นเด็กบ้านนอก เกิดและเติบโตที่จังหวัดสกลนคร เป็นถิ่นธุรกันดาร ไม่มีสี่อ วิทยุโทรทัศน์ เข้าถึง เพราะฉะนั้นวันๆ อยุ่กับท้องไร่ท้องนา อยู่กับพ่อกับพี่ๆ ก็จะมีปฎิทินรูปพระองค์ท่านแขวนอยู่ที่บ้าน ก็เคยถามพ่อว่า รูปใครเหรอ? พ่อก็บอกว่าเป็นรูปพระเจ้าอยู่หัว ผมก็ถามต่อ ว่าพระเจ้าอยู่หัว คือใคร พ่อก็บอกว่า เป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ คอยไล่ภูติผีปีศาจ พระองค์ท่านปกป้องได้หมด ความเข้าใจของผมตอนเด็กๆ ก็คือ รูปพระองค์ท่านไว้คอยกันผี ก็กราบไหว้ เข้าใจเอาเองว่า คงจะเหมือนเรากราบพระ นั้นล่ะ
พอโตขึ้นมา ได้ไปโรงเรียน เพิ่งได้รู้ว่า ท่านคือใคร? จากภาพสถาบันที่ติดหน้าห้องเรียน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ หลังจากนั้นเราดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ แต่ก็มีคำถามคาใจว่า ทำไมตอ้งเอารูปพระองค์ท่านมาติดด้วยหนอ?
ก็มาได้คำตอบว่า ท่านมาทำน้ำ ให้พวกเรา ชาวบ้านไว้ใช่เยอะเลย คือท่านมาทำเขื่อนที่บ้านผมครับ เป็นเขื่อนกักเก็บน้ำนกเค้า ซึ่งแต่ก่อนเนี่ย บ้านผมกันดาร แห้งแล้งมาก ไม่มีน้ำ พอ่ท่านเสด็จมา ก็ได้เห็นรถแม็กโคร ครั้งแรก ได้เห็นน้ำ ทุกคนตื่นเต้นกันมาก จากโครงการของพระองค์
แถวบ้านผมเขาไม่รู้หรอกว่า เศรษกิจพอเพียงมันคืออะไร รู้แต่ว่าถ้ามีน้ำ เราต้องปลูกผัก ปลูกข้าว เลี้ยงปลา มันเป็นวัฎจักรซึ่งพระองค์ท่านไปทำไว้ให้ ซึ่งก่อนหน้านั้นพระองค์ท่านก็พาฝนหลวงเข้าไป แต่คนแถวบ้านก็ไม่รู้ เห็นแต่เครื่องบิน บินผ่านมา แล้วก็มีฝนตก นั่นคือผมเห็นตอนเด็กๆ
พอผมโตขึ้นมา แม่มีโอกาสได้ทำงานที่ศุนย์ศิลปาชีพซึ่งเป็นของราชินีท่าน ที่นี้ก็มีโอกาสได้ไปเฝ้าเสด็จ ทุกที่ที่ท่านเสด็จ มันเป็นที่กันดาร การคมนาคมไม่สะดวกสบาย การกินอยู่ แล้งแค้น แต่ทุกๆ ครั้งที่เสด็จมาสกลนคร ผมมาทราบข้อมูลที่หลังว่า ท่าเสด็จจังหวัดผม 109 ครั้ง ซึ่งทุกๆ ครั้งที่ท่านเสด็จ มันมีความเจริญมา ถนนไปทางโรงเรียนผม ทางไปศูนย์ศิลปาชีพ ฯลฯ จากถนนลูกรัง ก็เป็นถนนลาดยาง พระองค์ท่านนำความเจริญมาสู่ ซึ่งตอนนั้น เราก็ไม่รู้ว่า สิ่งเรานี้ มาจากพระองค์
ตอนเด็กๆ ไม่เคยรู้เลยว่า ท่านคือใคร ไม่เข้าใจว่า ทำไมทุกคนต้องกราบไหว้ด้วย คือบ้านนอกเนี่ย คนที่ใหญ่ที่สุด คือผู้ใหญ่บ้าน กฎหมายต่างๆ ยังเข้าไม่ถึง ถ้ามีปัญหาอะไร ก็เข้าไปหาผู้ใหญ่บ้าน แต่นี่ผู้ใหญ่บ้านยังกลัวท่านเลย พอโต แม่มาถวายงานท่าน คลุกคลีกับพระองค์ท่าน ผมถึงได้รู้ว่า พระองค์ท่านได้ทำอะไรให้เราบ้าง นั่นคือภาพแรกที่ผมเห็น
ภาพพระองค์ท่านที่ติดไว้ที่บ้าน เป็นภาพที่ผมมีบ้าน จากการที่แม่ผมไปทำงานที่ศูนย์ศิลปาชีพ แม่มีเงินเดือนเล็กน้อยแต่ก็ใช้สวัสดีการกู้เงิน มาสร้างบ้าน พอบ้านเสร็จ ทางศูนย์ศิลปาชีพ ก็ให้รูปพระองค์ท่านมาติดไว้ที่บ้าน รูปพระองค์ท่านนั่นเป็นภาพเก่า บ้านหลังเก่า ทุกครั้งที่ผมกลับสกลนครก็ยังไปนอนบ้านนี้ครับ บ้านหลังนี้ยังมีรูปพระองค์ท่านอยู่ แต่สภาพบ้านก็ผุพังไปตามกาลเวลา
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ได้มีโอกาสไปกราบพระองค์ท่านที่ โรงพยายาลศิริราชด้วย
ใช่ครับ ตอนช่วงเช้า ผมเพิ่งกลับจากไปร้องเพลงที่เพชรบูรณ์กลับมา ก็เดินทางไปศิริราชเลย ก็ไปนั่งสวดมนต์ คาถาอิติปิโส 108 เท่าอายุพระองค์ท่าน ก็ตั้งใจสวด พอสวดเสร็จก็กลับที่พัก ก็เริ่มมีกระแสข่าวสวรรคตเข้ามาเรื่อยๆ แต่ผมก็ไม่เชื่อ รอฟังแถลงข่าวอย่างเดียว
คือตอนนั้นมันแคว้งคว้าง สิ่งที่เรากลัวมากๆ ว่าจะตอนไหน มันมาถึงแล้ว ในสถานการณืบ้านเมืองที่มันเป็นอย่างนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองเรา จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา จะเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา พระองค์ท่านเปรียบเหมือนเสาบ้านที่หักลงมา เป็นเสาเดียวที่ค้ำจุ้นทุกอย่างไว้ ทุกอย่างมันดูหมิ่นเหม่ จะถล่มหรือไม่ถล่ม ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในบ้านพี่น้องประชาชนจะแข็งแรงแค่ไหน หรือจะแยกย้ายกันแล้วปล่อยให้บ้านถล่ม หัวใจผมก็เหมือนคนไทยทุกๆ คน ความรู้สึกที่ไม่ต่างกันหรอกครับ..
ขอน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย