“บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมแผนพัฒนากีฬาฟุตบอล โดยมีนายธนะศักดิ์ สุระประเสริฐ อุปนายกสมาคม ฝ่ายสื่อสารองค์กร, นายวิทยา เลาหกุล อุปนายกสมาคม ฝ่ายพัฒนาเทคนิค และนายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาอาชีพ และกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมประชุม ที่ห้องประชุมสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชั้น 3 อาคารพงษ์สุภี วิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2559
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมเตรียมจัดตั้งสภาปฏิรูป และแผนแม่บทพัฒนากีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงได้เชิญทุกฝ่ายเข้ามาพูดคุยเพื่อทำงานร่วมกันระหว่างสมาคม, กกท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้มีแผนพัฒนาพัฒนาฟุตบอลที่ยั่งยืน และมีทิศทางเดียวกัน สอดคล้องกับโครงการสานฝันฟุตบอลไทยไปฟุตบอลโลกของกระทรวง ซึ่งได้พูดคุยเรื่องงบประมาณ และแผนทำงานต่างๆ โดยหลังจากนี้สมาคมวางแผนว่าจะใช้ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติของกกท.ทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศใช้ในการเก็บตัวฝึกซ้อมทีมชาติทุกชุด ทั้งการคัดเลือกตัว และการฝึกซ้อม โดยที่นักเตะชุดเยาวชนก็จะให้เข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติใกล้กับศูนย์ฝึกแต่ละแห่งด้วย เพื่อสร้างพื้นฐานด้านภาษา
บิ๊กอ๊อดกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีแผนเตรียมฝึกอบรมโค้ช และผู้ตัดสิน ระดับเยาวชน และจะมุ่งเน้นเรื่องภาษาด้วย เพราะในอนาคตบุคลากรวงการฟุตบอลไทยจะต้องไปเข้าอบรมหลักสูตรของเอเอฟเอฟ, เอเอฟซี และฟีฟ่า ซึ่งภาษาเป็นเรื่องสำคัญ และที่ผ่านมาเรามีจุดอ่อนเรื่องภาษาจนทำให้ไม่ผ่านการอบรม อีกทั้งตนยังได้เซ็นหนังสือเชิญผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาเป็นสภาปฏิรูป เพื่อช่วยกันคิดและเสนอแนวทางพัฒนา โดยทั้งสมาคม, กกท., กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการ จะทำงานร่วมกันเพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพ และมีทิศทางเดียวกัน
พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องเงินสนับสนุนทีมในฤดูกาลหน้านั้น จะเพิ่มขึ้นให้กับทีมไทยลีกจาก 20 เป็น 25 ล้านบาท แต่ในส่วนของ 5 ล้านบาทจะให้สโมรเขียนแผนเข้ามาในเรื่องของการนำไปพัฒนาสนามโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับทีมดิวิชั่น 1, 2, 3 ให้เขียนแผนเข้ามาเพื่อพัฒนาสนามของแต่ละสโมสรให้ผ่านตามคลับไลเซนซิ่งเพิ่มมากขึ้น โดยปีแรกอาจยังทำไม่เสร็จก็ให้เขียนแผนผูกพัน 1-3 ปีต่อเนื่องไป นอกจากนี้ ก่อนเริ่มการแข่งขันฤดูกาลหน้าจะเชิญสโมสรมาสัมมนาแนวทาง และกฏการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้รับทราบ และจะมีการแจ้งแฟนบอลด้วย
ด้านนายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พร้อมด้วย นายเบนจามิน ตัน ผู้อำนวยการคลับไลเซนซิ่ง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เรียกตัวแทน 3 สโมสรที่ได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2017 ประกอบด้วย เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด (แชมป์โตโยต้า ไทยลีก), แบงค็อก ยูไนเต็ด (รองแชมป์โตโยต้า ไทยลีก) และสุโขทัย เอฟซี (ตัวแทนจากช้างเอฟเอ คัพ) มาประชุมเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฏต่างๆในการแข่งขัน
นายพาทิศกล่าวว่า ได้เรียกทั้ง 3 ทีมเข้ามาชี้แจงทั้งเรื่องสนาม และเอกสารที่จะต้องส่งให้กับเอเอฟซีภายในเดดไลน์วันที่ 14 พ.ย.นี้ แต่ได้ให้ส่งเข้ามาก่อน 3 วันเพื่อสมาคมจะได้ช่วยดูเอกสารให้เรียบร้อยก่อนส่งเอเอฟซี โดยเมืองทอง และแบงค็อก ไม่น่ามีปัญหา ส่วนสุโขทัยได้ยื่นขอใช้สนามทุ่งทะเลหลวงเข้ามา แต่มีสำรองไว้คือสนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยหลังจากส่งเอกสารแล้ว เอเอฟซีจะมาตรวจสนามทั้ง 3 ทีมช่วงสิ้นเดือนพ.ย. ก่อนประกาศว่าจะผ่านคลับไลเซนซิ่งหรือไม่ต่อไป แต่ส่วนตัวเชื่อว่าทั้ง 3 ทีมน่าจะผ่าน ส่วนโควต้าบอลถ้วยเอเชียของไทยจากการคำนวณคะแนนคิดว่าจะคงโควต้าเท่าเดิมคือ 1+2 ทีม แต่ต้องดูฮ่องกงที่มีคะแนนลำดับรองลงไปด้วย