3 พ.ย.59 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบนโยบายด้านการบริหารและดูแลประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แก่ นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ส่วนหน้า
โดย นายศุภณัฐ เปิดเผยภายหลังเข้าพบ ว่า นายกฯ ได้มอบนโยบายให้ ศอ.บต.ทำงานร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ทั้งโครงการและแผนเร่งด่วน นอกจากนี้ ยังอยากให้ทุกหน่วยงานทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อมุ่งเน้นความต้องการของประชาชน และตอบสนองให้เร็วที่สุด พร้อมเน้นย้ำว่าทุกภาคส่วนต้องไม่แยกกันทำงาน ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร
ทั้งนี้ นายศุภณัฐ กล่าวถึงเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่ เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ในเรื่องความมั่นคงกองทัพภาค 4 ดูแลอยู่แล้ว ส่วน ศอ.บต.จะดูแลเรื่องการเยียวยา เช่น เสียชีวิตจะเยียวยา 5 แสนบาท ส่วนความเสียหายของทรัพย์สิน หากประกันไม่ครอบคลุม ศอ.บต.จะเข้าไปดูแลเยียวยาอย่างรวดเร็ว ให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบโครงสร้างอาคาร ว่ามีมูลค่าเท่าใด แล้วรายงานไปยังจังหวัดเพื่อประเมิน โดย ศอ.บต.จะจ่ายเงินตามความเสียหาย
ด้าน นายภาณุ กล่าวถึงการทำงานของ คปต.ส่วนหน้า ว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ทางคณะได้ลงไปในพื้นที่ โดยได้การต้อนรับจากจุฬาราชมนตรี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วขานรับและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ซึ่งเราเชื่อว่าเราจะทำงานเสริมนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 2 ปี 5 เดือน ภายใต้การดูแลของรัฐบาล และ คสช.ทุกอย่างก้าวหน้าขึ้น มีความร่วมมือของประชาชนดีขึ้น ซึ่งเหตุยังเกิดขึ้นอยู่ แต่ต้องดูผู้ก่อเหตุร้ายว่าวันนี้เราสามารถดำเนินการบังคับใช้กฎหมายได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ย.เข้าใจว่าเป็นความตั้งใจที่อยากให้เกิดเหมือนรอบปีของการกระทำเช่นเดือน ต.ค.แต่ขณะเดียวกันเห็นถึงความระมัดระวังและมาตรการการป้องกันของหน่วยงานความมั่นคง รวมถึงประชาชนที่ช่วยเป็นหูเป็นตาเป็นพิเศษในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พอเดือน ต.ค.คลายตัวลงไป คนที่จ้องจะก่อเหตุคงสบโอกาสที่จะทำ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้กินพื้นที่เป็นวงกว้างหรือหลายเหตุการณ์ แต่สิ่งสำคัญตามมาคือมาตรการในการควบคุมสถานการณ์ เมื่อคืนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเป็นความร่วมมือของประชาชนและเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ มั่นใจว่าไม่เกิน 24 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง พอจะรู้ตัวคนร้ายแล้ว