ไทย-จีน ประสานความร่วมมือให้มณฑลเหอหนาน เป็นจุดสำคัญฐานการผลิตป้อน “เส้นทางสายไหม”

ข้อพิจารณาในการแสวงหาผลประโยชน์ร่วมระหว่างไทย-จีน จากการที่รัฐบาลจีนมุ่งทำให้มณฑลเหอหนาน เป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมอาหาร พลังงาน วัตถุดิบ เครื่องจักรอุปกรณ์ไฮเทค โดยมุ่งทำให้มณฑลเหอหนาน เป็นจุดสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ตามข้อริเริ่ม “สายแถบและเส้นทาง” (Belt and Road Initiative :BRI) และเป็นเส้นทางการเชื่อมโยงทางการค้าใหม่ของจีน
ทั้งนี้ จีนมีความสนใจและติดตามนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่านโยบายดังกล่าวมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมและมีความเป็นไปได้ที่จีนจะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยเพิ่มมากขึ้น โดยจีนได้เคยเชิญชวนให้ภาครัฐและเอกชนไทย เดินทางไปศีกษารูปแบบการพัฒนาเขตเศรษฐกิจจงหยวนภาคกลางของจีน ที่ทำให้มณฑลเหอหนานกลายเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงเรียนรู้ระบบราง และระบบการขนส่งทางอากาศของสนามบินเจิ้งโจวที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งทั้งทางบก เรือ รถไฟและอากาศ ซึ่งได้ทำให้มณฑลเหอหนาน เป็นจุดสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน อันจะนำไปสู่การเชื่อมโยงกับสนามบินอู่ตะเภาในอนาคต
ดังนั้น มณฑลเหอหนาน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงนโยบายการค้า BRI ของจีน และสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการบินที่ไทยตั้งเป้าจะพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเป็นเขตส่งเสริมพิเศษ เพื่อยกระดับให้เป็นมหานครการบินในอนาคต จึงจะเป็นโอกาสของไทยและเป็นผลประโยชน์ร่วมระหว่างไทย-จีน
นอกจากนี้ การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแบบบูรณาการด้านการขนส่งทางอากาศของสนามบินเจิ้งโจวที่มี ๕ รันเวย์ ทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ ๗๐ ล้านคน และสามารถขนส่งสินค้าได้ ๓ ล้านตันต่อปี โดยผู้ว่าการมณฑลเหอหนานได้เคยแสงความพร้อมในการนับสนุนนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในไทยผ่านกองทุน Silk Road มูลค่า ๓ หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี พ.ศ.๒๕๖๐ จึงเป็นสัญญาณความเคลื่อนไหวในเชิงบวกที่มีแนวโน้มจะนำไปสู่ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่าง EEC ของไทยกับ BRI ของจีน และเป็นข้อพิจารณาที่ควรได้รับการผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในอนาคตต่อไป