เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 เวลา 10.00 น.: กองบัญชาการกองทัพไทยทได้จัดให้มีการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4 ประจำปี งบประมาณ 2565 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (สบค.) โดยมีพลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก,ผู้บัญชาการทหารเรือ,ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเสนาธิการทหารอากาศเข้าร่วมประชุม ณ กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมฯได้รับทราบข้อมูลที่สำคัญของกองบัญชาการกองทัพไทยเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนี้
กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นำเสนอการจัดการฝึกร่วมกองทัพไทย 2565 ซึ่งเป็นการฝึกร่วมตามแผนป้องกันประเทศ โดยบูรณาการการอำนวยการยุทธร่วมด้วยการใช้กำลังทหารขนาดใหญ่ ของกองทัพไทย รวมถึงบูรณาการการปฏิบัติการร่วม ระหว่างเหล่าทัพและพลเรือนอันเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทย
ให้มีความพร้อมในการปกป้องอธิปไตย และผลประโยชน์ของชาติรวมถึงรักษาความมั่นคงของรัฐเพื่อเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติและความสงบสุขของประชาชน
กองทัพบก ได้รายงานผลการปฏิบัติงานที่สำคัญให้ที่ประชุมได้ทราบ 2 เรื่องได้แก่
1.การจัดการฝึกทหารใหม่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ตั้งแต่กรรมวิธีการรับทหารใหม่การเคลื่อนย้าย จนถึงหน่วยฝึกทหารใหม่ การกักตัวครูฝึกผู้ช่วยครูฝึก และทหารใหม่ภายใต้มาตรการ BUBLE & SEALED
2.ปฏิบัติภารกิจของอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ ใช้งานทั่วไปแบบ 145 (ฮ.ท.145) ในการลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินร่วมกับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก ในพื้นที่ และทีมแพทย์สกายด๊อกเตอร์ ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ซึ่งสามารถให้การช่วยเหลือผู้ป่วยอาการวิกฤตให้รอดชีวิต ได้รับการตอบรับจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดียิ่ง
กองทัพเรือ ได้แจ้งให้ที่ประชุมฯทราบว่า ได้เตรียมความพร้อมในการรองรับสงครามอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ได้แก่ อาวุธเคมี ชีวะ รังสี และนิวเคลียร์ (คชรน.) ในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านองค์บุคคลระดับนานาชาติ ด้านองค์วัตถุ ด้านองค์ยุทธวิธี โดยผลงานที่สำคัญที่ผ่านมาได้แก่ การสนับสนุนความปลอดภัยของนักดำน้ำ โดยการตรวจสอบปริมาณก๊าซพิษและก๊าซออกซิเจนในการในภารกิจค้นหา และกู้ภัยถ้ำหลวง เพื่อช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่า การนำขีดความสามารถด้านการป้องกันอาวุธชีวภาพมาใช้ในการควบคุม การแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ณ อาคารรับรองสัตหีบ ซึ่งเป็นสถานที่กักตัวของรัฐ และการนำเครื่องตรวจวิเคราะห์สารพิษเทคโนโลยีสูง มาตรวจการปนเปื้อนของสารพิษในสิ่งแวดล้อม และสามารถรายงานผลได้อย่างแม่นยำรวดเร็วแบบ Real Time
กองทัพอากาศ ได้แจ้งให้ ที่ประชุมฯทราบถึงการพัฒนาขีดความสามารถด้านการข่าวกรอง การเฝ้าตรวจและการลาดตระเวน (ISR) โดยการพัฒนาระบบงานและคุณภาพบุคลากร การพัฒนาด้านอุปกรณ์ การจัดหาอากาศยานไร้คนขับ (Dominator) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบ GEOINT PORTAL เพื่อพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถด้านการข่าวกรอง การเข้าตรวจ และการลาดตระเวนสู่การมีข้อมูลและการข่าวที่มีคุณภาพ (Superior ISR)
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำเสนอระบบ Biometrics ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำหรับการเก็บข้อมูลคัดกรอง และสืบค้นอัตลักษณ์บุคคลในการเข้าออกประเทศทั้งด่านตรวจทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ ซึ่งมีจำนวน 1,843 จุด ทั่วประเทศโดยเป็นการใช้ข้อมูลและภาพถ่ายใบหน้า ในการยืนยันตัวตนที่มีความแม่นยำ มีประสิทธิภาพสูง มีการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลต่างๆ ทำให้กระบวนการสืบค้นข้อมูล เพื่อนำไปสู่การจับกุมเป็นไปอย่างรวดเร็ว และแม่นยำ มากขึ้น
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวเน้นย้ำให้เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงกลาโหม ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ทุ่มเท และเสียสละเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งให้ติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งเน้นย้ำให้กองกำลังตามแนวชายแดนเพิ่มความเข้มงวด ในการคัดกรองเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และค้ายาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ ตลอดจนให้เข้มงวดกวดขันกำลังพลในสังกัดให้ประพฤติตนตามกฎระเบียบข้อบังคับ ตลอดจนให้เข้มงวด กวดขันกำลังพลในสังกัด ให้ประพฤติปฏิบัติตนตามกฎระเบียบข้อบังคับรวมทั้งข้อควรระวังต่างๆ ทั้งในและนอกเวลาราชการพร้อมปลูกฝังและเสริมสร้างอุดมการณ์ทางทหารความจงรักภักดีต่อสถาบันอันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน ทั้งต่อตนเองหน่วยงาน และประเทศชาติต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน