แผนปรับโครงสร้างยักษ์ซีพียูทั่วโลกเริ่มส่งผลตลาดไทย วงในเผยยุบรวมงานอินเทลในท้องถิ่นขึ้นตรงระดับภูมิภาค พร้อมขยับตำแหน่ง“สนธิญา”รับบทบาทใหม่
พร้อมกันนี้ ช่วงเดือนที่ผ่านมายังได้แต่งตั้ง “นายสนธิญา หนูจีนเส้ง” กรรมการผู้จัดการคนที่ 2 ของอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) เป็นผู้บริหารระดับผู้อำนวยการ (Platform and Distribution Sale Director) ดูแลงานครอบคลุมตลาดเอเชีย รวมญี่ปุ่น และเตรียมขยับให้ “นางสาวฉันทนา สุวรรณวงษ์” ผู้อำนวยการฝ่ายขายรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการในไทยแทน ส่วนการสื่อสารข้อมูลต่างๆ ต้องติดต่อผ่านอินเทล มาเลเซียโดยตรงเท่านั้นจากเดิมที่มีตัวแทนในท้องถิ่น
รายงานข่าว ระบุว่า การปรับโครงสร้างในอินเทลไทย เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปีนี้ ตามนโยบายบริษัทแม่ ซึ่งที่ผ่านมาในไทยมีพนักงานราว 20 คน เป็นจำนวนใกล้เคียงกับสำนักงานอินเทลในประเทศอื่นๆ และยังเป็นตลาดที่ใหญ่อันดับ 2 ของอินเทลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้หลังการปรับโครงสร้างบริษัท ยังมีการเพิ่มบุคลากรที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวิศวกร ซึ่งความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคาดว่า ต้องรอการประกาศเป็นทางการจากบริษัท
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวติดต่อตัวแทนฝ่ายสื่อสารข้อมูลระดับภูมิภาคอินเทล แต่ยังไม่มีการตอบกลับใดๆ ในขณะนี้
อินเทล คอร์ป รายงานผลประกอบการเมื่อช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา กำไรลดลง 51% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากต้นทุนที่อินเทลจะต้องใช้สำหรับแผนปลดพนักงานออก 12,000 คนภายในกลางปี 2560 และผลประกอบการดังกล่าวยังสะท้อนถึงสภาวะย่ำแย่ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ยอดขายลดลงต่อเนื่อง
ขณะที่ อินเทลระบุว่า แผนดังกล่าวเป็นการยกระดับจากบริษัทด้านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือ พีซี เป็นบริษัทด้านระบบคลาวด์คอมพิวติ้งและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับการเชื่อมต่อที่อัจฉริยะ
การปลดพนักงานดังกล่าวจะเกิดขึ้นในรูปแบบการให้ลาออกแบบสมัครใจและไม่สมัครใจรวมกับการประเมินการปฏิบัติการทั่วโลกอีกครั้ง ส่วนค่าชดเชยตั้งไว้ที่ 12,000 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าการปลดพนักงานจะลดต้นทุนได้ 750 ล้านดอลาร์ในปีนี้ และ 1,400 ดอลลาร์ในกลางปี 2560 ครั้งนั้นนายไบรอัน แครซนิช ประธานคณะผู้บริหาร (ซีอีโอ) ของอินเทล เผยว่า การเคลื่อนไหวนี้จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว และทำให้อินเทลกลายเป็นผู้นำในโลกอัจฉริยะและโลกแห่งการเชื่อมต่อ
นอกจากนี้ ซีอีโออินเทลยังระบุเพิ่มเติมว่าจะเพิ่มการลงทุนในธุรกิจที่เติบโตได้เป็นหลัก รวมถึงสมาร์ทโฮมและอุปกรณ์ “อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์” รวมถึงศูนย์ข้อมูล และหน่วยงานผลิตความจำคอมพิวเตอร์
อย่างไรก็ตาม สำหรับการทำงานร่วมกันพันธมิตรในท้องถิ่น เช่น แบรนด์พีซีต่างๆก็ยังคงเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากสินค้าแบรนด์ส่วนใหญ่จะดีลธุรกิจโดยตรงกับอินเทลในระดับภูมิภาคอยู่แล้ว
ด้านนายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด หนึ่งในพันธมิตรรายใหญ่ในธุรกิจพีซี เผยว่า การทำงานกับอินเทลยังไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเอเซอร์เป็นแบรนด์ที่ทำตลาดทั่วโลก การดีลต่างๆ ต้องผ่านสำนักงานในระดับภูมิภาคอยู่แล้ว ส่วนสำนักงานในไทยจะเน้นบทบาทการสนับสนุนและช่วยเหลือธุรกิจมากกว่า
แต่สำหรับสถานการณ์ของตลาดพีซีในไทยช่วงนี้ คาดว่า จะซึมต่อเนื่องเพราะผู้บริโภคไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะจับจ่ายใช้สอย ซึ่งชัดเจนจากยอดขายของเอเซอร์รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง จากช่วงปกติจะดีขึ้้น โดยคาดว่าสรุปยอดขายรวมทั้งปีนี้จะโตไม่ได้ถึง 10%