วันที่ 1 พ.ย. ที่แอ็กซ์สตูดิโอ นักแสดงสาวฝีมือดี-อดีตนางเอกดัง กวาง-กมลชนก โกมลฐิติ ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกหลังมาร่วมการถ่ายทำละครแห่งปีเรื่อง “เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์” รวมถึงเล่าโอกาสที่เคยถวายงานต่อหน้าพระพักตร์
โดย กวาง เผยว่า “กวางดีใจและภูมิใจมากที่ได้มีโอกาสร่วมแสดง เป็นครั้งที่สองในชีวิตเรา ครั้งแรกคือตอนที่เข้าวงการใหม่ๆ เล่นเรื่อง จากฟ้าสู่ดิน ตอนนั้นคู่กับพี่นก-ฉัตรชัย เป็นตัวแทนช่อง7 ไปร่วมเล่นกับช่อง 3 แต่เป็นละครเทิดพระเกียรติ คือ ตอนนั้นไม่ได้เล่นด้วยความเศร้า แต่ด้วยอารมณ์เด็กเข้าวงการใหม่และได้เล่นละครเทิดพระเกียรติ แต่วันนี้เป็นอีกอารมณ์หนึ่ง เรื้องนี้เล่นด้วยใจทุ่มเทสุดใจ”
เมื่อสักครู่เป็นซีนรับเสด็จพระองค์ท่าน “จริงๆ กวางอยากจะไปเหตุการณ์จริงมาก วันที่เกิดเหตุการณ์นั้น แต่พอดีวันนั้นกวางติดภารกิจ กวางนึกมาตลอดว่ากวางจะได้ทำอะไรเพื่อพระองค์ท่าน ที่เป็นชิ้นงานสักชิ้นหนึ่งไหม สุดท้ายกวางได้ทำและได้เล่นละครในฉากนั้น ความรู้สึกเราคือถ้าเราได้ไปร่วมจริงๆ เราจะรู้สึกยังไง นี้ขนาดเล่นละครความรู้สึกยังมาเพราะเรานึกถึงเรื่องจริง ทำให้สะเทือนใจมาก ละครเรื่องนี้กวางมีฉากเศร้ากว่านี้มาก ต้องรอดูเพราะอ่านบทแล้วสนุกมาก เราอยากเล่นมาก วันที่ถ่ายคือถ่ายถึงตีสอง ตาลืมไม่ขึ้นเพราะร้องไห้ทั้งวัน เล่นแล้วขนลุก รู้สึกจริง ยิ่งเวลามองรูปพระองค์ท่าน อย่างกวางเรียนจบธรรมศาสตร์ได้รับปริญญาจากท่าน ในละครก็มีรูปนั้นติดไว้ที่ข้างฝาบ้าน ซึ่งเราเล่นเป็นครู”
นักแสดงสาว กล่าวว่า “เราไม่คิดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายเลย เราคิดแค่ว่าเราอยากเล่น ตอนนั้นคิดแต่ว่าจะเล่นได้ไหมเพราะเราติดงานอยู่หลายอย่างเลยในคิวที่เขาขอมา 2 วัน ช่วงหลังทุกคนทราบว่ากวางไม่รับละครเพราะดูแลรับส่งลูก และทำละครเองด้วย ซึ่งคิววันนั้นพี่น็อต-นุติ มีถ่ายละครด้วย สุดท้ายให้คุณแม่มาช่วยดูลูก และทุกคนรอบตัวให้ความร่วมมือหมดเพราะกวางบอกอยากเล่น กวางจะเล่นทำยังไงดีที่จะเล่นได้ พออ่านบทแล้วบทเยอะเราต้องให้คิวจนดึก ตอนแรกนึกว่าสัก 4 ทุ่ม จะเสร็จแต่ไม่เสร็จ พอเราเห็นการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของทีมงานทุกคน ทุกคนทำงานด้วยใจจริงๆ เราเลยมีแรงฮึดว่าช่างมันเถอะถ้า 4 ทุ่มไม่เลิกไม่เป็นไร จะถ่ายถึงเช้าก็ได้ เพราะมันเป็นซีนอารมณ์ทั้งนั้น
วันที่ถ่ายละครฝนตกและมีแดดร้อนอบอ้าวมาก เหงื่อกับน้ำตาปนกันทั้งหน้าแต่เราผ่านมาได้ เราต้องทำให้ดีที่สุด มันเป็นพลังมากเลย เรามีกำลังใจมาก เมื่อเรานึกถึงในหลวง เราอยากถ่ายทอดพระราชดำรัสของท่านในตัวละครนี้ให้ดีที่สุดให้ได้ อยากจะบอกให้ทุกคนดูไม่ใช่เฉพาะที่เราเล่น แต่ในส่วนอื่นของละครก็มีหลากหลายอารมณ์ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับในหลวงทั้งนั้น”
ตอนรับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระองค์ท่าน ความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไง “ปลื้มใจและภูมิใจมากค่ะที่ได้รับจากพระหัตถ์ ตอนนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็นั่งอยู่ข้างหลังด้วย ภูมิใจมากค่ะ”
ได้มีเงยหน้าไปมองพระพักตร์บ้างไหม “แอบมองนิดนึงค่ะ จริงๆ หลังจากนั้นกวางเคยถวายงานตอนที่เราอยู่แกรมมี่ ได้ไปร้องเพลงต่อหน้าพระพักตร์ แต่ไม่เคยได้คุยกับพระองค์ท่าน ตอนนั้นตื่นเต้นและคิดว่าต้องทำให้ดีที่สุด ตอนที่พระองค์สวรรคต ช่องอื่นๆ เอาละครเทิดพระเกียรติมาออกเต็มเลย แต่เราไม่ได้เล่นเลยเพราะเป็นละครเก่ามากตั้งแต่ปี 34 เราก็คิดว่าเขาน่าจะทำใหม่นะเพราะเราอยากเล่น และใครจะคิดว่ามีการทำใหม่จริงๆ จนมาติดต่อเรา ก็รีบตกลงเล่นเลย เตรียมเสื้อผ้ามาเองเลย หาทุกอย่างเผื่อเขามีไม่ครบเพราะมันเป็นงานกะทันหันมาก ล่วงหน้าแค่วันเดียว ถือว่าเราได้ทำในหน้าที่ของเราแล้ว นักแสดงมีหน้าที่ที่ดีที่สุดคือได้ถ่ายทอดการแสดงและความรู้สึก เหตุการณ์ในเรื่องนี้เกิดขึ้นวันที่ 13 ต.ค. วันที่ท่านสวรรคตและวันที่ 14 ต.ค. วันรุ่งขึ้นที่มีการเคลื่อนพระบรมศพ”
ตอนที่ได้ถวายงานต่อหน้าพระพักตร์เป็นงานอะไร “นานแล้วค่ะ เป็นงานวันเกิดงานส่วนพระองค์เลยไม่มีประชาชน ไม่แน่ใจว่าที่สวนอัมพรหรือเปล่า แต่ตอนนั้นเราเจอเกือบทุกพระองค์”
จะบอกต่อรุ่นลูกยังไงเกี่ยวกับพระองค์ “ลูกคนโตเราอายุ 13 ปี คนเล็กอายุ 11 ปี วันที่ประกาศว่าพระองค์สวรรคต ลูกเราก็นั่งอยู่ด้วยได้นั่งดูทีวีด้วยกัน เราก็ได้พูดต่างๆ นานา เกี่ยวกับในหลวงให้ลูกฟัง เขาก็มีข้อสงสัยเยอะ ก่อนหน้านี้ลูกไปดูหนังกับเรา เขาก็จะต้องยืนขึ้นร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี นี่คือสิ่งที่ลูกได้สัมผัสว่าทุกครั้งต้องร้องเพลงนี้ และมีรูปในหลวงในพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่โรงเรียนก็สอนให้เข้าใจและรู้จักเรื่องประมุขของประเทศ และยังสอนให้ลูกท่องชื่อในหลวงมาก่อนหน้านี้แล้ว ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ชอบเล่นดนตรี ลูกชายก็เล่นกีต้าร์เพลงชะตาชีวิตได้ ลูกชายลูกสาวเล่นขิมเพลงสายฝนกับใกล้รุ่งได้อยู่แล้ว ทุกวันนี้เราเล่นกันบ่อยมาก คิดถึงพระองค์มาก
เราก็จะบอกลูกเสมอว่าเห็นมั้ยในหลวงทรงปรีชาสามารถทำได้หลายอย่าง เล่นดนตรี แต่งเพลง และยังทรงเรือใบ เราบอกลูกว่าคนเราไม่ต้องเก่งอย่างเดียวนะ เก่งได้หลายอย่าง ในหลวงเรียนวิศวะ ท่านศึกษาต่อทางด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์เพื่อมาปกครองประเทศในตอนที่ท่านอายุยังน้อย สุดยอดมากเราจะหาใครมาเปรียบไม่ได้จริงๆ เราพยายามบอกลูกตลอดให้เอาเป็นแบบอย่าง อย่างการประหยัด การพอเพียง ครอบครัวเราพอเพียงมาตลอด เพราะมาจากพระราชดำรัสของในหลวง ก็เล่าให้เด็กๆ ฟังว่าท่านสอนเรายังไง ยาสีฟันก็บีบจนเกลี้ยงหลอด ขนาดท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดินท่านยังประหยัดขนาดนี้เลย แล้วพวกเราล่ะ ทานข้าวอย่ามาเหลือ เสื้อผ้าอย่าฟุ่มเฟื่อย ยิ่งเราเป็นครอบครัวข้าราชการที่บ้านจะสอนให้ซึมซับแบบนี้ตลอด จนกระทั่งมาเป็นดาราเราก็ไม่รู้สึกแปลกที่เป็นดาราไม่ได้ใช้แบรนด์เนม อาจจะใช้บ้างแต่ไม่ไขว่คว้า เราทำให้ลูกเห็นว่าคุณแม่เป็นคนธรรมดา ลูกเรียนค่าเทอมสูงแต่เราไม่ให้ลูกใช้ไอโฟน เขาถามว่าทำไมเพื่อนมี เราก็บอกว่าคุณพ่อยังไม่มีเลย ส่วนเราคือได้ฟรีมา เราถามลูกว่ามันจำเป็นไหม เราอธิบายด้วยเหตุผล”
พระราชดำรัสของพระองค์ท่านสามารถสืบต่อรุ่นต่อรุ่นได้ใช่ไหม “สืบต่อได้อยู่ที่ว่าเราจะสืบไหม เราจะยึดถือไหม การที่เราจะสอนใครก็ตามที่เป็นเด็ก เราต้องทำให้เขาเห็นด้วย ไม่ใช่สอนเฉยๆ อ่านอย่างเดียว มันไม่ได้ผล เราต้องทำให้เห็นเลย อยากให้ลูกทำอะไรก็ทำให้ลูกเห็น ฝึกให้ลูกทำประโยชน์ให้สังคมตั้งแต่เล็กๆ ค่ะ หน้าที่นักแสดงเราต้องเสียสละความเป็นตัวเองเพื่อเราได้เป็นตัวแบบให้กับคนรุ่นหลังให้ได้โดยเริ่มจากที่บ้านเป็นตัวอย่างให้ลูกๆ ค่ะ”