วันที่ 9 พ.ค.65 เวลา 12.00 น.ณ ลานเอนกประสงค์ บช.น. : พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./โฆษก บช.น.,พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น.,พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5,พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ห้วยขวาง,พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ
ผกก.สน.พระโขนง,กก.สส.บก.น.1,กก.สส.บก.น.5 พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง และสน.พระโขนง ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหางัดตู้เซฟนายธนาคาร รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ในเขตพื้นที่ สน.ห้วยขวาง และจับกุมผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ในเขตพื้นที่ สน.พระโขนง
คดีที่ 1.สน.ห้วยขวาง จับกุมคนร้ายลักทรัพย์ (งัดตู้เซฟ) : จากกรณีเมื่อวันที่ 15 เม.ย.65 เวลาประมาณ 23.32 น. ได้มีเหตุคนร้ายชาย 1 คน
ลักทรัพย์ (โดยการงัดตู้เซฟ) บ้านเลขที่ 551 ซอยรัชดานิเวศน์ แยก 9 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร แล้วหลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ห้วยขวาง ได้ดำเนินการสืบสวนติดตามคนร้ายจากกล้องวงจรปิด CCTV โครงการของ ผบ.ตร. และโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 รัชดา-ห้วยขวาง จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุในวันดังกล่าว คือ นายบรรจงฯ หรือบี อายุ 37 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 796/2565 ลง 24 เม.ย.2565
เ
จ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.บก.น.1 และ ฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ได้ติดตามตัวยังสถานที่ต่างๆ โดยจากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ ย่านรัตนาธิเบศน์ จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 25 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอหมายค้น ศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าค้นสถานที่ดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้าย จำนวน 39 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 2,100,000 บาท และอาวุธปืน จำนวน 1 กระบอก (อยู่ระหว่างตรวจสอบทะเบียนและดำเนินการต่อไป)
จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหารายนี้หลบหนีมาพักอาศัยออยู่คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านเมืองนนทบุรี จนกระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ได้จับกุมตัวผู้ต้องหา คือ นายบรรจงฯ หรือบี (ผู้ต้องหาตามหมายจับ) โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้มีเจตจำนงให้เป็นทางให้คนเข้า หรือเข้าทางช่องทางซึ่งผู้เป็นใจเปิดไว้ให้” จากการสอบถามนายบรรจงฯ ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนคือผู้ที่ลงมือก่อเหตุลักทรัพย์บ้านเลขที่ 551 ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2565 จริง และสมัครใจนำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดในวันดังกล่าวด้วยตนเอง จนนำไปสู่การนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับตรวจยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จำนวน 53 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 3,800,000 บาท
ประกอบด้วย ทองคำรูปพรรณ จำนวน 17 รายการ ราคาประมาณ 2,370,000 บาท,ทองคำแท่ง จำนวน 2 รายการ ราคาประมาณ 450,000 บาท,ชุดเครื่องประดับ จำนวน 17 รายการ ราคาประมาณ 1,040,000 บาท,ธนบัตรรัฐบาลไทย จำนวน 2 รายการ ราคาประมาณ 22,110 บาท,ชุดเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 เครื่อง ราคาประมาณ 130,000 บาท,โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ราคาประมาณ 45,000 บาท,บัตรกดเงินสด (ATM) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 2 ใบ และรายการอื่นๆ จำนวน 9 รายการ รวมทรัพย์สินที่ได้คืนจากการตรวจยึด 2 ครั้งรวมกัน ทั้งสิ้นประมาณ 5,900,000 บาท
จากการขยายผล ทราบว่า ผู้ต้องหาได้นำทองไปขายตามสถานที่ต่างๆ บริเวณย่านห้วยขวาง ย่านบางแสน และห้างสรรพสินค้าย่านงามวงศ์วาน แล้วนำเงินมาซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และให้การอีกว่าตนเองนั้น พึ่งพ้นโทษเมื่อเดือนตุลาคม 2564 ในข้อหาลักทรัพย์ยกตู้เซฟ พื้นที่ สน.สุทธิสาร จึงนำตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยรายการสิ่งของตรวจยึด ส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 สน.พระโขนง จับกุมผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ : โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ค.65 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.พระโขนง ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย บริเวณลานจอดรถบ้านเลขที่ 100 ซอยแพตาใบ (พี่งมี 50) แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ดังนี้ นายสุรเกียรติ หรือ เจมส์ อายุ 20 ปี,นายพชรพล หรือ สังข์ อายุ 20 ปี และนายเรืองศักดิ์ หรือ เจมส์ อายุ 21 ปี ในความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้อาวุธปืน ยานพาหนะ หรือรับของโจร,ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต,พาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมด้วยของกลางตรวจยึดในคดีคือ เข็มขัดหนังสีดำ หัวโลหะสัญลักณณ์ Bangkapi tech จำนวน 1 เส้น,แหวนเงินหัวแหวนสัญลักษณ์เทคโนบางกะปิ จำนวน 1 วง,อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด.38 นิ้ว จำนวน 1 กระบอก,เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 นิ้ว จำนวน 5 นัด,รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น เอ็นเม็กซ์ สีขาว จำนวน 1 คัน,หมวกกันน็อคเต็มใบสีขาว ยี่ห้อ index จำนวน 1 ใบ,กางเกงขายาวสีดำ จำนวน 1 ตัว,หมวกกันน็อคเต็มใบสีดำ ยี่ห้อ snell จำนวน 1 ใบ,เสื้อเชิ๊ตแขนสั้นลายสก๊อตสีม่วง จำนวน 1 ตัว,กางเกงขายาวสีดำ จำนวน 1 ตัว,หมวกกันน็อคเต็มใบสีดำ ยี่ห้อ anchi จำนวน 1 ใบ,เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว จำนวน 1 ตัว และกางเกงขายาวสีเทา จำนวน 1 ตัว
พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.พระโขนง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าเมื่อวันที่ 6 พ.ค.65 เวลาประมาณ 22.40 น. มีกลุ่มคนร้ายชายจำนวนสามคนขับขี่รถจักรยานยนต์มาใช้อาวุธปืนปล้นเอาทรัพย์สินของตนไปจากบริเวณริมถนนหน้าหอพักเจ วรรณแมนชั่น ซอยอ่อนนุช 44 แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พระโขนง จึงได้ออกตรวจที่เกิดเหตุ และตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบผู้ถูกจับทั้งสามขับรถจักรยานยนต์ ของกลางเข้ามาหากลุ่มผู้เสียหาย พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่เอาทรัพย์สินจากผู้เสียหาย แล้วหลบหนีไปเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ และตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนีของคนร้าย ต่อมาวันที่ 7 พ.ค.65 เวลาประมาณ 14.00 น. ขณะทำการสืบสวนพบเห็นผู้ต้องหาทั้งสามพร้อมรถจักรยานยนต์ จอดอยู่บริเวณบริเวณลานจอดรถบ้านเลขที่ 100 ซอยแพตาใบ (พี่งมี 50) แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร และพบเห็นผู้ถูกจับทั้งสาม ลักษณะมีพิรุธมีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลนั้นมีสิ่งของผิดกฎหมายอยู่ในความครอบครอง หรือซึ่งได้มาโดยการกระทำความผิด หรือซึ่งมีไว้เป็นความผิด จึงได้แสดงตัวและขอตรวจค้น โดยก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ผู้ถูกจับทั้งสามดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงทำการตรวจค้น จากการตรวจค้น พบของกลางลำดับที่ 1-4 อยู่ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ของกลางลำดับที่ 5 ตรวจยึดได้ในขณะที่จอดไว้บริเวณสถานที่จับกุม,ของกลางรายการที่ 6-7 เป็นเสื้อผ้า,หมวกกันน็อค ที่ผู้ต้องหาที่ 1 สวมใส่ในขณะก่อเหตุ,ของกลางรายการที่ 8-10 เป็นเสื้อผ้า,หมวกกันน็อค ที่ผู้ต้องหาที่ 2 สวมใส่ในขณะก่อเหตุ,ของกลางรายการที่ 11-13 เป็นเสื้อผ้า,หมวกกันน็อค ที่ผู้ต้องหาที่ 3 สวมใส่ในขณะก่อเหตุ ตรวจยึดได้ในขณะผู้ต้องหาสวมใส่อยู่,สอบถามเกี่ยวกับของกลาง ผู้ถูกจับทั้งสามรับว่า เข็มขัดและแหวนเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการปล้นทรัพย์จริง,อาวุธปืน,รถจักรยานยนต์,เสื้อผ้า,หมวกกันน็อค เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดจริง เมื่อนำภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดให้ผู้ถูกจับดูรับว่าเป็นบุคคลในภาพจริง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาข้างต้นให้ทราบและส่ง พงส.สน.พระโขนง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากตรวจสอบประวัติต้องหาคดี ทั้ง 3 คนไม่พบประวัติการต้องโทษแต่อย่างใด
บช.น. ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชน หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่
Cr.ทีมประชาสัมพันธ์ บช.น.
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน