ปรากฏการณ์ที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ หัวหอกจอมเกรียนชาวอิตาเลียน กลับมาระเบิดฟอร์มอีกครั้ง หลังย้ายมาค้าแข้งกับ นีซ ทีมม้านอกสายตาในลีก เอิง ฝรั่งเศส พร้อมเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้สังกัดใหม่ขึ้นไปรั้งจ่าฝูง ลีก แดนน้ำหอม ในขณะนี้
การคว้าตัวอดีตศูนย์หน้าลิเวอร์พูล มาร่วมทัพของนีซ ถือเป็นอีกครั้งที่สโมสรแห่งนี้เปิดโอกาสให้กลับแข้งดาวร่วงให้กลับมากลายเป็นดาวโรจน์อีกหน หลังจากที่เมื่อฤดูกาลที่แล้วสนามอัลลิอันซ์ ริเวียร่า ก็เป็นรังพักใจของ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา เพลย์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศสที่ถูกปัญหาบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นต้องย้ายไปเล่นให้กับ ฮัลล์ ซิตี้ เมื่อฤดูกาล 2014-15 ทั้งที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นพ่อค้าแข้งที่จะเจิดจรัสในวงการลูกหนัง ในสมัยที่เจ้าตัวยังเป็นดาวรุ่ง
เช่นเดียวกัน บาโลเตลลี่ ที่ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี นับตั้งแต่แจ้งเกิดกับอินเตอร์ มิลาน สโมสรในเซเรีย อา อิตาลี แต่น่าเสียดายที่ปัญหาทางด้านพฤติกรรมของกองหน้าอิตาเลียนรายนี้กลายเป็นสิ่งที่มาบดบังพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม และผลงานของเขาก็เริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ
ก่อนที่ฤดูกาลนี้จะเริ่มต้นขึ้น ชีวิตของ หัวหอกวัย 26 ปี เหมือนกำลังจะต้องพบกับทางตัน เมื่อเขาไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือทีม“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ขณะที่ เอซี มิลาน ที่ยืมตัวไปใช้งานเมื่อซีซั่นก่อนก็ไม่มีท่าทีว่าจะอยากได้ตัวเขาไปร่วมทัพ ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น นีซ ที่มอบโอกาสบนเส้นทางสายลูกหนังให้กับเขาอีกครั้ง
ซีซั่นที่แล้ว เบน อาร์กฟา ที่ได้มาชุบตัวกับนีซ สามารถเรียกความมั่นใจและกลับมาระเบิดฟอร์มเยี่ยม ยิงไป 17 ประตู จากการลงสนาม 34 นัด จนสุดท้ายได้รับข้อเสนอจากปารีส แซงต์ แชร์แมง ยักษ์ใหญ่ประจำลีกเอิง ที่ดึงตัวไปร่วมทีมในฤดูกาลนี้
ส่วนฤดูกาลนี้ บาโลเตลลี่ ยิงไป 6 ประตู จากการเล่นเกมลีก 5 นัด ซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดอันดับสอง เป็นรองแค่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ยิงได้ 7 ลูก จาก 5 นัดแรกในลีกเอิง ในตอนที่เขาเพิ่งย้ายมาจาก เอซี มิลาน
แน่นอนว่าตอนนี้เพิ่งเป็นช่วงต้นฤดูกาลและอาจมีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นได้อีกมากมายในช่วงเวลาที่เหลือ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อของ มาริโอ บาโลเตลลี่ กลับมาเป็นที่สนใจของแฟนบอลในเรื่องการเล่นฟุตบอลมากกว่าพฤติกรรมสุดเกรียนของเจ้าตัวอีกครั้ง