ภายหลังจากต้องเผชิญชะตากรรมทางการเมืองครั้งรุนแรงที่สุด หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเกาหลีใต้ เพราะถูกนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านเล่นงานอย่างหนัก นางชอย ซุน-ซิล ผู้ถูกกล่าวหาว่าใช้ความสนิทสนมกับประธานาธิบดีปักกึนฮเย แห่งเกาหลีใต้ เพื่อแทรกแซงกิจการของรัฐ เข้าให้ปากคำกับอัยการกรุงโซลแล้ว พร้อมขอโทษและระบุเธอทำผิดสมควรตาย
1 พ.ย.59 นางชอย เดินทางมาให้ปากคำที่สำนักงานอัยการในกรุงโซล เมื่อวานนี้ หลังเดินทางกลับจากเยอรมนี โดยแถลงทั้งน้ำตา ท่ามกลางทัพสื่อมวลชนว่า ขอโทษและเสียใจที่ทำผิด และสมควรตาย ก่อนเธอจะถูกเข้าไปในอาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ถามคำถามเกี่ยวกับบทบาทของเธอในเรื่องอื้อฉาวนี้
อย่างไรก็ดี ทนายความของเธอบอกว่า นายชอยไม่ได้ยอมรับว่ากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ข่าวดังกล่าวส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อประธานาธิบดีปัก เนื่องจากไม่พอใจที่เธอปล่อยให้นางชอย เพื่อนคนสนิทเข้ามามีบทบาททางการเมืองอย่างลับๆ ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งในรัฐบาล ทั้งคอยตรวจทานสุนทรพจน์และช่วยบริหารงาน เป็นการอาศัยความสนิทสนมกับประธานาธิบดีปัก และครอบครัว เข้ามามีอิทธิพลในรัฐบาล และกอบโกยผลประโยชน์โดยมิชอบ รวมทั้งยังกลายเป็นข่าวใหญ่ที่สื่อเกาหลีใต้ให้ความสนใจมาก เนื่องจากมีรายงานที่น่าตกใจว่า ประธานาธิบดีปัก เป็นสาวกของลัทธิที่มีความเชื่อในเรื่องหมอผีและคนทรงเจ้า เนื่องจากนางชอยเป็นบุตรสาวของ นายชอย แต-มิน อดีตครูของประธานาธิบดีปัก ผู้เป็นเจ้าลัทธิทางศาสนา ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2537
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ในเกาหลีใต้รายงานด้วยว่า มีผู้พบฮาร์ดไดรฟ์คอมพิวเตอร์ที่ถูกทิ้งแล้วของนางชอย ภายในมีข้อมูลที่เป็นความลับทางราชการหลายฉบับ ที่เธอได้รับมาจากประธานาธิบดีปัก แถมยังถูกกล่าวหาอีกว่า ใช้เส้นสายของเธอในการฝากลูกสาวเข้ามหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา มหาวิทยาลัยหญิงล้วนอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ ทั้งที่เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีการแข่งขันในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสูง และเข้มงวดอย่างมาก ซึ่งหลังข่าวนี้ได้รับการเปิดเผยออกมา ประธานของมหาวิทยาลัยอีฮวาก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งทันที ข่าวนี้กระทบต่อประธานาธิบดีปักอย่างหนัก แม้จะพยายามลดกระแสความไม่พอใจด้วยการออกมาขอโทษ และสั่งปลดที่ปรึกษาใกล้ชิดนับสิบคน แต่ก็ไม่เป็นผล ประชาชนยังออกมาชุมนุมเรียกร้องให้เธอลาออกจากตำแหน่ง จนทำให้ล่าสุดคะแนนนิยมประธานาธิบดีปัก ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เหลือเพียงร้อยละ 14 เท่านั้น
