วันที่ 28 เม.ย.65 ที่ จ.สระบุรี : พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติ เร่งสืบสวนขยายผลผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดและยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่ง พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. จึงได้สั่งการให้ บช.ปส. เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ 9 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ,สระบุรี,ลพบุรี,สมุทรปราการ,นนทบุรี,ชลบุรี,อยุธยา,นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี รวม 38 จุด โดยให้กวาดล้างจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่และกวาดล้างยาเสพติดที่แพร่ระบาดในแหล่งชุมชน รวมทั้งพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง และยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินการตามมาตรการยึดทรัพย์ตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งกรณีนี้ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2,พล.ต.ต.วิวัฒน์ สีลาเขต ผบก.ขส. และพล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด บก.ปส.2,บก.ขส. และ บก.ปส.4 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และหน่วยข่าวกรองทหาร ศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้น ใน 9 จังหวัด รวม 38 จุด โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน ดังนี้
(1) น.ส.สุทธิตา สิงห์เคน อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 58 ม.5 ต.เขาพระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 242/2565 ลง 4 เม.ย.65 ข้อหา “สนับสนุนช่วยเหลือ,สมคบฟอกเงิน”
(2) น.ส.กมล ไชยฤกษ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/3 ม.3 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดเวียงสระ ที่ 26/2565 ลง 10 ก.พ.65 ข้อหา “สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”
(3) นายพงษ์พันธ์ ทิพย์เกิด อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/8 ม.2 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดเวียงสระ ที่ 25/2565 ลงวันที่ 10 ก.พ.65 ข้อหา “สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”
พร้อมด้วยยาเสพติดของกลาง ยาบ้า 5 กระสอบ ประมาณ 1,900,000 เม็ด,ยาอี ประมาณ 50,000 เม็ดและยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ ได้แก่ บ้านและสิ่งปลูกสร้าง 6 หลัง,รถยนต์ 25 คัน,จยย.17 คัน,อาวุธปืน 2
กระบอก,กระเป๋าแบรนด์เนม,เงินสดในบัญชีธนาคาร และเครื่องประดับ รวมทั้งสิ้นมูลค่าประมาณ 108 ล้านบาท
การจับกุมนางสุทธิตาฯ (ผู้ต้องหาลำดับที่ 1) บก.ปส.2 ได้สืบสวนติดตามเครือข่ายขนยาเสพติดจากแนวชายแดนโดยขนผ่าน จ.เลย เข้าสู่พื้นที่ส่วนกลาง โดยมีการจับกุม น.ส.สุทธิตา สิงห์เคน (ผู้ต้องหา ลำดับที่ 1) สืบเนื่องจาก บก.ปส.2 บช.ปส. ได้จับกุมขบวนการขนยาบ้ารายใหญ่ ซึ่งขนยาบ้าจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านมุ่งหน้าสู่พื้นที่ชั้นใน โดย
จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า 12 ล้านเม็ด ได้ที่ อ.ภูกระดึง จ.เลย และขยายผลจับกุมเคตามีน 51 กก.,ไอซ์ 516 กก. และรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับ น.ส.สุทธิตาฯ กับพวกซึ่งเป็นผู้ร่วมขบวนการนี้ ต่อมาวันที่ 28
เม.ย.65 บช.ปส.ได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นกวาดล้างจับกุมขบวนการยาเสพติด และสามารถจับกุม น.ส.สุทธิตา สิงห์เคน ได้ขณะปิดล้อมตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 32/3 ต.พระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี จากนั้น ได้ติดตามไป
ตรวจคันและยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายนี้หลายรายการ ได้แก่ บ้านและสิ่งปลูกสร้าง ร้านค้า รถยนต์ รถจักรยานยนต์เงินสดในบัญชี กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ รวมมูลค่าประมาณ 90.9 ล้านบาท
จากการสืบสวนหาข่าวเพื่อเปิดปฏิบัติการในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบความเคลื่อนไหวของขบวนการขนยาเสพติดจากแนวชายแดน ผ่าน จ.เลย จะขนยาเสพติดล็อตใหญ่เข้าสู่ส่วนกลางอีก โดยสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 3 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 และ บก.ขส. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา พร้อมยาบ้าจำนวน 6 ล้านเม็ด ที่บริเวณตลาดไท อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกันกับที่ขนยาเสพติดจากแนวชายแดน ผ่านมาทาง จ.เลย การจับกุมดังกล่าวทำให้กลุ่มผู้รับจ้างขนยาเสพติดไม่ได้ค่าจ้างในครั้งก่อน จึงจะทำการ “ซ่อมงาน” คือขนลงมาใหม่ อีกครั้ง โดยจะมีการขนยาเสพติดจากแนวชายแดน ผ่าน จ.เลย ลงมาสู่ส่วนกลางเหมือนเคย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วางแผนจับกุม
จนต่อมา เมื่อวันที่ 26 เม.ย.65 เวลาประมาณ 08.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 และ บก.ขส. ได้ร่วมกันจับกุม นายไตรภพ ยอโง้ กับพวกรวม 5 คน ได้พร้อมยาบ้า 5 กระสอบ จำนวน 1.9 ล้านเม็ด,ยาอี 50,000 เม็ด และรถยนต์ 3 คัน ได้ที่ ม.6 ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.2 ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับผู้ต้องหาลำดับที่ 2-3 บก.ปส.4 ได้เปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมเครือข่าย “เอก นาสาร” และ เครือข่าย”บางสวรรค์” ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดให้กับผู้จำหน่ายและผู้เสพยาเสพติดรายย่อย ส่งผลให้ยาเสพติดแพร่ระบาดในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช โดยได้จับกุม น.ส.กมล ไชยฤกษ์ และนายพงษ์พันธ์ ทิพย์เกิด ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับเวียงสระ ข้อหา “สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” จากนั้นจึงขยายผลและยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายทั้ง 2 ได้แก่ บ้าน,รถยนต์,รถจักรยานยนต์ และอาวุธปืน รวมมูลค่าประมาณ 17.59 ล้านบาท
และได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องอีก 3 ราย คือ นายอภิเชษฐ์ ชงโค ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 239/2565 ลง 4 เม.ย.65 ข้อหา “สนับสนุนช่วยเหลือ,สมคบฟอกเงิน” (หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน),นายเอก อ่อนเอี่ยม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 240/2565 ลง 4 เม.ย.65 ข้อหา “สนับสนุนช่วย เหลือ,สมคบฟอกเงิน” (หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน) และ น.ส.กนกกร จำปานาค ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 241/2565 ลง 4 เม.ย.65 ข้อหา “สนับสนุนช่วยเหลือ,สมคบฟอกเงิน” (หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน)
การเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้ ได้การกวาดล้างจับกุมเพื่อทำลายเครือข่ายขนยาเสพติดรายสำคัญจากบริเวณแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เข้าสู่พื้นที่ชั้นใน และมีการกวาดล้างจับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดให้กับผู้จำหน่ายและผู้เสพยาเสพติดรายย่อย ซึ่งช่วยลดการแพร่กระจายยาเสพติดในพื้นที่ ที่กำลังมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดอยู่ โดยทุกเครือข่ายที่ถูกจับกุม ได้มีการขยายผลไปยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตามนโยบายรัฐบาลและ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่ง บช.ปส. จะดำเนินการกวาดล้างจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด โดยใช้ทั้งมาตรการทางกฎหมายและมาตรการยึดทรัพย์อย่างเข้มข้นต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน