เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่าได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องระดมจับกุมผู้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคากว่าที่กำหนดไว้ 80 บาทต่อฉบับคู่ (ใบ) หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าพบผู้ขายสลากฯ ฉวยโอกาสขึ้นราคา โดยเฉพาะเลขมงคลและแบบรวมชุด โดยเริ่มจับกุมมาตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม ล่าสุดจับกุมผู้กระทำผิดไปแล้วกว่า 300 ราย
“การขายสลากฯ เกินราคากลับมาอีกครั้ง ดังนั้นต้องจับคนขายก่อน แล้วไปสอบสวนว่า รับสลากมาจากไหน แล้วถึงจะไล่ไปถึงตัวยี่ปั๊ว และกลุ่มที่ได้โควตาหรือซื้อโดยตรงกับสำนักงานสลากฯ แต่นำไปขายต่อ ไม่ขายเอง ทั้งรายย่อยและองค์กร มูลนิธิฯ ที่น่าประหลาดใจคือการจับเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม หลายร้อยราย ไม่พบคนพิการขายเองเลยแม้แต่รายเดียว” ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล
พล.ท.อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าจะนำเลขสลากที่จับได้มาตรวจสอบแหล่งที่มาของหน่วยงานที่รับสลากไป ข้อมูลที่ได้มาจากการจับกุมครั้งนี้จะนำไปทลายแหล่งที่มาของการรวมชุด และรวมเล่มในที่สุด อย่างไรก็ตามต้องขอความร่วมมือจากประชาชนอย่าซื้อสลากฯ เกินราคา เพราะหากประชาชนซื้อก็จะเป็นการสมยอม ปัญหาจะไม่จบ ถ้าประชาชนต้องการช่วยรัฐบาล ช่วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในการจัดการกับพวกเอาเปรียบสังคม เมื่อพบการฉวยโอกาสแบบนี้ เพียงไม่ซื้อ และสามารถแจ้งเบาะแสมายังสำนักงานสลากฯ ได้ ซึ่งสลากฯ มีวันหมดอายุทุกงวด ขายไม่ออก ขายไม่หมด คนขายต้องแบกภาระเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการรวมชุดเลขมงคลเลขในงวดล่าสุดพบว่ามีการรวมชุด 5 ฉบับคู่ขายในราคา 800 บาท คิดเป็น 160 บาทต่อฉบับ ถือว่าแพงกว่าที่สำนักงานสลากกำหนดไว้ 80 บาทถึงเท่าตัว
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดในโลกออนไลน์ ถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลเดินทางไปรับอาหาร สิ่งของบริจาคที่บริเวณสนามหลวง ที่มีผู้นำมาแจกจ่ายให้ประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง แล้วแอบเอาไปขายต่อ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ประจำจุดรับแจ้งเหตุ 191 กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) ให้ข้อมูลว่า กลุ่มดังกล่าวจะทำเป็นขบวนการ 3-4 คน มีทั้งมาจากพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด มีพฤติการณ์วนเวียนตระเวนรับของบริจาครอบสนามหลวง และนำไปกองรวมไว้กับจุดทิ้งขยะ ก่อนโทรศัพท์ให้ผู้ร่วมขบวนการนำรถกระบะมาขนของบริจาคออกไป อีกทั้งยังมีการนำของบริจาคไปขายต่อ จากราคา 20-30 บาท ขายต่อในราคา 5-10 บาท เพื่อนำเงินไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่ม บางครั้งก็ทำทีเป็นจิตอาสา มากันบ่อยช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ จะตักเตือน ยึดของบริจาค ถ่ายรูปทำประวัติ อบรมให้ทำความดี ทำความสะอาดทดแทน และกันออกนอกพื้นที่ แต่ก็มีบางคนที่ยังดื้อ เช้าทำผิดจับได้ บ่ายๆก็ยังจะทำผิดอีก
เจ้าหน้าที่ประจำจุด รับแจ้งเหตุ 191 ระบุต่อไปว่า ในวันหนึ่งๆ สามารถจับพวกที่มีพฤติการณ์ล่อแหลมแบบนี้ได้ 3-4 ราย ซึ่งมีบางครั้งที่เขาก็ทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วย เราจึงต้องดำเนินคดี นอกจากนี้ ขอเตือนให้ประชาชนคอยระวังพวกมิจฉาชีพที่จะฉกทรัพย์สิน หรือกรีดกระเป๋าด้วย แต่ที่ผ่านมา ยังไม่พบเหตุใหญ่ๆ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าที่กำลังเร่งกวาดล้างผู้กระทำผิด
ทางด้าน พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร จะเป็นฝ่ายดูแลและจัดระเบียบองค์กรหรือหน่วยงานที่จะเดินทางนำของมาบริจาควันเวลาใดบ้าง ซึ่งในพื้นที่ท้องสนามหลวงยังคงจำกัดคนเข้า-ออกในเวลา 21.00-04.00 น. ทั้งนี้ มีผู้คนมากมายที่นำสิ่งของมาบริจาคไม่ว่าจะเป็นข้าว-น้ำดื่ม รวมไปถึงสิ่งของที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน แต่กลับมีกลุ่มบุคคลอีกกลุ่มที่คอยตักตวงผลประโยชน์จากสิ่งที่ผู้คนนำมาบริจาค