“ความเครียด” ศัตรูร้ายทำลายความสวย ใครๆ ก็รู้ว่า “ความเครียด” มีแต่ผลเสีย ไม่ใช่แค่เป็นบ่อนทำลายสุขภาพเท่านั้นนะ แต่ยังเป็นตัวฉุดดึงความงามให้เสื่อมโทรมก่อนวัยอันควรอีกด้วย มาดูกันดีกว่าว่า ความเครียดทำให้เสียโฉมได้ยังไงบ้าง ผิวเสียหาย ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายก็เหมือนกับตัวโดมิโนที่เรียงต่อกัน เมื่อตัวหนึ่งล้ม แรงปะทะก็ทำให้ตัวต่อๆ ไปต้องล้มตามไปด้วย ดังนั้น เมื่อร่างกายปั่นป่วนจากความเครียด ชั้นผิวหนังที่ทำหน้าที่ควบคุมความชุ่มชื้น ผลิตสารเคลือบผิว (ซีบรัม) และขับของเสียออกทางรูขุมขน จึงทำหน้าที่บกพร่อง บวกกับการนอนหลับไม่เพียงพอ และท้องผูก จึงก่อให้เกิดปัญหาผิวพรรณตามมามากมาย ดังนี้
1. สิวขึ้น อาจมีสาเหตุมาจากฮอร์โมนไม่สมดุล
ทางแก้คือ ลดผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากนม และอาหารที่มีไขมันมาก ให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดร่างกาย เพราะแบคทีเรียอาจทำให้สิวอักเสบลุกลาม ซึ่งไม่ควรเน้นเฉพาะใบหน้าเท่านั้น สิวอาจเกิดที่แผ่นหลัง ลำคอ และแผ่นอกได้ด้วย ใช้สบู่อ่อน ๆ ที่มีความเป็นกลาง ครีมที่ใช้ควรอ่อนโยนต่อผิว อาจมีสารต่อต้านการเกิดสิวหรือสารบำรุงผิวด้วยก็ได้ แต่ควรทดสอบการแพ้ก่อนทุกครั้ง
2. ผิวแห้งง่าย ความสามารถในการผลิตมอยส์เจอไรเซอร์ธรรมชาติหรือซีบรัมลดลง ทำให้เซลล์ผิวหนังแห้งและหยาบ ผิวเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย ซีดเซียว หมองคล้ำได้ง่าย
ทางแก้คือ บำรุงผิวด้วยครีม หรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และวิตามินอี ช่วยซ่อมแซมผิวเสียให้กลับมาดีดังเดิม
3. ผิวแพ้ง่าย มีลักษณะเป็นผื่นแดง แพ้สิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น ฝุ่นละออง แสงแดด น้ำประปา (มีคลอรีนผสมอยู่) ฯลฯ บ้างเป็นตุ่มน้ำใสเม็ดเล็ก บ้างอักเสบพุพอง มีอาการของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้แก่ เริม งูสวัด ซึ่งเป็นผลมาจากภูมิคุ้มกันของร่างกายน้อยลงเพราะความเครียดนั่นเอง
ทางแก้คือ ใช้ครีมหรือบาล์มที่มีตัวยาแก้แพ้และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อน ไม่ควรซื้อยาทาเอง รักษาความสะอาดผิวหนังอย่างเคร่งครัด
4. เกิดถุงใต้ตา รวมไปถึงผิวใต้ตาคล้ำ เกิดริ้วรอยรอบดวงตา นัยน์ตาไม่สดใส ซึ่งเป็นผลมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ
ทางแก้คือ ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากแตงกวา ดอกคาโมมายล์ วิตามินเอและอี วางถุงชาหรือแตงกวาหั่นขวางบนดวงตาสักครู่ หรือแก้ปัญหาง่าย ๆ โดยให้เวลากับการนอนหลับมากขึ้น
ผมถูกทำลาย เส้นผมและหนังศีรษะ ก็เป็นอวัยวะที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ง่ายเช่นเดียวกับผิว อย่างที่บอกว่า ความเครียดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เมื่อระบบดูดซึมอาหารมีปัญหา สารอาหารที่จะไปหล่อเลี้ยงเส้นผมก็น้อยลงด้วย ทำให้สร้างโปรตีนเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผมได้น้อยลง เส้นผมเกิดใหม่ไม่สมบูรณ์ รากผมอ่อนแอ ความเครียดส่งผลต่อสุขภาพผมอย่างมหาศาลดังนี้
1. ผมลีบแบนและแห้งแตกปลาย เพราะขาดแคลนสารอาหารและ “เวลา” สำหรับการดูแล เอาใจใส่ (เรียกว่าเครียดจนไม่อยากทำอะไร)
ทางแก้คือ บำรุงด้วยครีมที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ หรือหมักด้วยน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา เป็นประจำ และหมั่นเล็มผมที่แตกปลายออก
2. รังแค หนังศีรษะก็จัดเป็นผิวหนังชนิดหนึ่ง ความเครียดทำให้หนังศีรษะแห้ง และหลุดลอกจน เกิดเป็นรังแค สร้างความรำคาญ รวมทั้งเสียบุคลิกภาพด้วย
ทางแก้คือ ใช้แชมพูที่มีคุณสมบัติช่วยขจัดรังแค หมักผมด้วยน้ำมัน เพื่อให้ความชุ่มชื้นต่อหนัง ศีรษะ หรือนำผลมะกรูดไปย่างไฟพออุ่น บีบเอาน้ำชโลมให้ทั่วหนังศีรษะ ทิ้งไว้สักครู่ แล้วสระผม ตามปกติ ช่วยลดปัญหารังแคมารังควานได้
3. ผมมัน อีกกรณีหนึ่ง ความเครียดอาจทำให้ต่อมไขมันใต้หนังศีรษะทำงานผิดปรกติ ขับไขมัน ออกมามากเกินไป ทำให้ผมมันเหนียวเหนอะหนะ เป็นที่สะสมฝุ่นละอองและเชื้อโรคได้ง่าย
ทางแก้คือ ทำความสะอาดเส้นผมด้วยแชมพูและครีมนวดที่ช่วยลดความมันของเส้นผมและหนัง ศีรษะ
4. ผมหลุดร่วงง่าย เมื่อรากผมไม่แข็งแรงก็ง่ายต่อการหลุดร่วง ซึ่งถ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้ ผมบางลงและศีรษะล้านได้
ทางแก้คือ ต้องเข้าใจก่อนว่า ภาวะผมร่วงนี้ไม่ได้เป็นในชั่วข้ามคืน ต้องหมั่นสังเกตและบำรุง หนังศีรษะอยู่เสมอ ควรนวดศีรษะเพื่อให้เลือดหมุนเวียน กระตุ้นรากผมให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
เห็นมั้ยคะว่า ความเครียด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เสียโฉมได้จริงๆ รู้อย่างนี้แล้ว สาวๆ ก็ควรรู้จักปล่อยวาง ทำใจให้สบาย จะได้ห่างไกลศัตรูตัวร้ายนี้นะคะ