แหล่งคอลลาเจนในอาหารที่หลายคนอาจไม่เชื่อว่าอาหารที่มีคอลลาเจนจะหากินได้ง่ายขนาดนี้ เอาล่ะสิ ! เตรียมกรี๊ดให้เต็มที่เพราะการมีผิวเด้งตึงน่าจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วจริง ๆ
ยุคสมัยนี้ใครอยากขาวใสเด้งก็พึ่งมีดหมอและการศัลยกรรมได้อย่างกับเนรมิต โดยเฉพาะการฉีดคอลลาเจนเพื่อบำรุงผิวพรรณก็มีทั้งหมอแท้หมอเถื่อนแทบทุกมุมถนน แต่รู้ไหมคะว่าหากอยากมีผิวดูเด็กไม่จำเป็นต้องทำชีวิตให้ยากและเสี่ยงต่ออันตรายขนาดนั้น แค่กินอาหารให้ถูก เลือกอาหารที่มีคอลลาเจนแฝงอยู่ตามนี้ก็มีผิวโบ๊ะเต่งตึงเหมือนเกิดใหม่ในเวอร์ชั่นที่ไฉไลกว่าเดิม
คอลลาเจนคืออะไร
คอลลาเจน คือ โปรตีนเมตริกซ์นอกเซลล์ที่ไม่สามารถละลายน้ำได้ ทำหน้าที่คล้าย ๆ กาวที่คอยยึดเกาะเซลล์ผิวหนัง เอ็น และกล้ามเนื้อให้แน่นสนิทเต่งตึง และกว่า 80% ของเซลล์ผิวหนังในร่างกายก็มีเจ้าคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบ เพราะฉะนั้นหากขาดคอลลาเจนไปก็แน่นอนว่าผิวพรรณจะหย่อนยานเหี่ยวย่น ดังเช่นคนแก่ที่คอลลาเจนค่อย ๆ ลดลงไปตามวันและเวลา
ประโยชน์ของคอลลาเจน
หลัก ๆ แล้วคอลลาเจนเป็นโปรตีนใต้ผิวหนังที่คอยยึดเซลล์ผิวให้เต่งตึง แต่อย่างที่บอกว่ากาลเวลาสามารถพรากคอลลาเจนไปจากผิวของเราได้ ดังนั้นประโยชน์ของคอลลาเจนที่เด่นมาก ๆ คือ ช่วยเติมเต็มผิวคล้อยหย่อนยานให้กลับมาเรียบตึง อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาผิวที่ถูกความร้อนหรือรังสียูวีเผาไหม้จนกลายเป็นผิวเสีย
นอกจากนี้ ดร.เรย์ ซาเฮเลียน ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและผลิตภัณฑ์คอลลาเจน ยังอวดสรรพคุณของคอลลาเจนในด้านช่วยรักษาโรคข้อและกระดูกเสื่อม และโรคไขข้ออักเสบอีกด้วยนะคะ
รู้จักคอลลาเจนและประโยชน์ของคอลลาเจนไปคร่าว ๆ แล้ว นับจากบรรทัดนี้ไปเตรียมสายตาให้ดี ๆ ค่ะ นี่แหละอาหารที่เขาว่ากันว่ามีคอลลาเจนบำรุงความเต่งตึงล่ะ ลุยเลย !
1. ถั่วเหลือง
ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองทุกชนิด รวมไปถึงชีสทุกประเภทมีเจนิสติน (genistein) สารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า ไอโซฟลาโวน มีส่วนช่วยเร่งการผลิตคอลลาเจน ยกกระชับผิวพรรณให้เต่งตึง แถมช่วยบล็อกเอนไซม์ตัวร้ายที่จะทำร้ายผิวให้หย่อนคล้อยมีรอยตีนกา
2. ผักใบเขียว
ผักใบเขียวทุกชนิด ยิ่งเขียวเข้มยิ่งดีอย่างพวกคะน้า ผักกาดหอม ผักสลัด ผักโขม กะหล่ำปลี ผักเคล และหน่อไม้ฝรั่ง ผักสีเขียวทั้งหมดนี้ขึ้นชื่อว่ากระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า ลูติน (lutein)
โดยงานวิจัยเรื่องผิวพรรณจากฝรั่งเศสก็แนะนำว่า วัน ๆ หนึ่งควรให้ร่างกายได้รับลูตินประมาณ 10 กรัม (เท่ากับทานผักโขม 1.1 กิโลกรัม หรือผักเคล 0.5 กิโลกรัม) ซึ่งก็จะเพียงพอต่อการบำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียนไร้ริ้วรอยแห่งวัย
3. ถั่ว
เพียงแค่กินถั่ว เช่น ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา วันละ 2 ช้อนโต๊ะเป็นประจำ ร่างกายก็จะได้รับกรดไฮยาลูโรนิก (hyaluronic acid) ซึ่งเป็นอาวุธชั้นดีของกระบวนการชะลอริ้วรอยแห่งวัย แถมกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนมาบำรุงดูแลผิวมากขึ้น
4. ผักผลไม้สีแดง
ผักผลไม้สีแดงมีไลโคปีนสูง สรรพคุณเด่น ๆ ของเขาคือช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีสุด ๆ อีกทั้งไลโคปีนยังทำหน้าที่คล้ายสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอยแห่งวัยและเติมเต็มความแข็งแรงของเซลล์ผิว โดยผักผลไม้สีแดงก็ได้แก่ มะเขือเทศ พริกหยวกแดง บีท แครอท สวีทโปเตโต เป็นต้น
นอกจากนี้ ดร.โรนัลโด วัตต์สัน ผู้ทำการวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา ยังเผยว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในผักผลไม้สีแดงและเหลืองทุกชนิด มีความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ดีพอสมควร นับเป็นสรรพคุณช่วยชะลอความชราของผิวทางอ้อมอย่างหนึ่งเหมือนกันนะคะ
5. วิตามินซี
ไม่ว่าจะเป็นส้ม มะนาว ฝรั่ง หรือสตรอว์เบอร์รีก็ล้วนอุดมไปด้วยวิตามินซี คุณประโยชน์ดี ๆ ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อีกทั้งยังเสริมความแข็งแรงของเซลล์ผิวได้อีกด้วย
6. ลูกพรุน
ตัวการสุดจี๊ดที่คอยจ้องทำลายความเต่งตึงของผิวเรามีชื่อว่า อนุมูลอิสระ ซึ่งสิ่งที่จะต่อกรกับอนุมูลอิสระได้ก็คือสารต้านอนุมูลอิสระนั่นเอง โดยลูกพรุนก็นับเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิระสูงมาก รองลงมาก็บลูเบอร์รี ฉะนั้นกินทั้งสองอย่างนี้อย่างน้อย 5-6 ลูกทุกวัน รับรองผิวพรรณใสเด้ง
7. กรดไขมันโอเมก้า
ต้องยกให้โอเมก้าเป็นแหล่งสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติตัวเด็ดอีกตัวหนึ่ง ซึ่งช่วยเติมเต็มร่องลึกของเซลล์ผิวที่ถูกปัจจัยอื่น ๆ ทำลาย โดยเราจะรับกรดไขมันโอเมก้าได้จากเมล็ดแฟลกซ์ซีด แซลมอน ปลาทูน่า อะโวคาโด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และอัลมอนด์ เป็นต้น
8. แตงกวา มะกอกเขียว และมะกอกดำ
ผักผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้อุดมไปด้วยซัลเฟอร์ ส่วนสำคัญในการเสริมสร้างคอลลาเจน นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอสูง รักษาระดับคอลลาเจนในผิวให้สูงขึ้นอีกทาง โดยหากกินแครอท และแคนตาลูปเพิ่มด้วยก็จะช่วยให้ร่างกายเสริมสร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
9. ดาร์กช็อกโกแลต
ผลงานวิจัยจากเยอรมนียืนยันแล้วว่า ดาร์กช็อกโกแลตไม่มีทางส่งผลร้ายต่อผิว ทั้งยังช่วยบำรุงดูแลผิวได้อย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่อัดแน่นอยู่ในดาร์กช็อกโกแลตซึ่งเพียงพอต่อการเสริมสร้างคอลลาเจน และชะลอริ้วรอยแห่งวัยได้ชะงัด
10. ชาขาว
จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยคิงส์ตัน พบว่า ชาขาวไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ หากยังเป็นแหล่งของโปรตีนชนิดเดียวกับโปรตีนที่ค้นพบในเซลล์ผิว โดยเฉพาะคอลลาเจน ซึ่งก็ทำหน้าที่ต้านเอนไซม์ที่คอยทำลายผิวพรรณให้หย่อนคล้อยได้นั่นเอง
11. กระเทียม
กระเทียมก็เป็นสมุนไพรอีกชนิดที่อุดมไปด้วยซัลเฟอร์ อีกทั้งยังมีกรดไลโปอิก (lipoic acid) และกรดอะมิโนทอรีน (Taurine) ตัวช่วยเสริมสร้างเส้นใยคอลลาเจนที่ถูกทำลาย
12. หอยนางรม
อาหารที่กินเป็นกับแกล้มก็อร่อย หรือจะกินเล่นเปล่า ๆ ก็ดีอย่างหอยนางรมไม่ได้เป็นแค่ยาโด๊ปเท่านั้นหรอกนะ ทว่าหอยนางรมยังอุดมไปด้วยธาตุสังกะสี และกรดอะมิโนที่สำคัญต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจน พ่วงด้วยธาตุเหล็กและวิตามิน B2 ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย
13. ไข่ขาว
ไข่ขาวเป็นแหล่งกรดอะมิโนโปรลีน ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นใยคอลลาเจน ดังนั้นการที่เราเสริมโปรตีนตัวนี้เข้าไปก็เท่ากับเสริมความแข็งแรงของแขนขาคอลลาเจนให้แข็งแกร่ง ยากที่จะมีอะไรมาทำลายได้นั่นเอง
14. เมล็ดข้าวสาลี
เมล็ดข้าวสาลีก็มีกรดอะมิโนโปรลีนสูงเช่นกัน ยืนยันด้วยผลการศึกษาจาก Nutritional Sciences มาแล้วด้วยนะคะว่าแค่กินเมล็ดข้าวสาลีเป็นประจำก็จะช่วยยืดอายุคอลลาเจนในร่างกายให้ยาวนานกว่าเดิมได้
15. สาหร่ายทะเลทุกชนิด
ส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเส้นใยคอลลาเจนอย่างไฮยาลูโรนิกเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สาหร่ายทะเลทุกชนิดขึ้นชื่อว่าเป็นพืชที่มีคอลลาเจนผสมอยู่ ดังนั้นอยากมีผิวผุดผ่องเต่งตึงต้องอย่าพลาดสาหร่ายทะเลเชียวล่ะ
16. เห็ดทุกชนิด
ในเห็ดแทบทุกชนิดอุดมไปด้วยโปรตีน และสารต้านอนุมูลอิสระจึงสามารถช่วยในกระบวนการเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวได้ง่าย ๆ อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระยังช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัยได้อีกต่างหาก
17. มะพร้าว
ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ที่จะทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ น้ำมะพร้าวยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย คล้ายกับการทำดีท็อกซ์ จึงช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส
18. กระดูกอ่อน
ทั้งกระดูกอ่อนหมูและกระดูกอ่อนของไก่ล้วนแล้วแต่มีคอลลาเจนปะปนอยู่กับโปรตีนด้วยกันทั้งนั้น โดยเราจะสามารถสังเกตเห็นคอลลาเจนเป็นตัวเป็นตนได้จากน้ำต้มกระดูกอ่อนที่ทิ้งไว้ให้เย็น และส่วนที่เป็นวุ้นลอยอยู่เหนือน้ำต้มกระดูกก็คือคอลลาเจนนั่นเองค่ะ
ทั้งนี้เราควรกินวิตามิน C ไปพร้อม ๆ กับอาหารที่มีคอลลาเจนด้วยทุกครั้ง เพราะวิตามินซีจะช่วยให้การดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายเป็นไปอย่างง่ายและเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
livestrong.com
livestrong.com
healthcentral.com
newbeauty.com
naturalnews.com