รัฐบาลและสำนักพระราชวังจัดคิวประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตฯคาดรองรับได้วันละ 10,000 คน ขอประชาชนไม่ต้องเร่งรีบมาในช่วงวันแรกๆที่เปิด แต่ให้ทยอยกันมา เพราะยังมีเวลาอีกมาก ยืนยันจัดคิวให้อย่างรัดกุมที่สุด ไม่มีบัตรคิวปลอม ส่วนประชาชนจากต่างจังหวัดจัดคิวให้วันละ 5 จังหวัด รวมประมาณ 3,000 คน พร้อมเปิดสนามม้านางเลิ้งให้เป็นสถานที่พัก ขณะที่ กทม.จัดสถานที่รองรับไว้เรียบร้อยแล้ว ด้าน ตร.เพิ่มกำลังจากภูธรมาเสริม เน้นเฝ้าระวังแก๊งมิจฉาชีพฉวยโอกาส
● ‘พระเทพฯ’เสด็จฯพิธีช่วงเช้า
ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่ 26 ต.ค. ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่สิบสาม ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อเวลา 07.11 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยคุณพลอยไพลิน เจนเซน พระธิดาคนโตในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี กับนายเดวิด วีลเลอร์ สามี และด.ช.แม็กซิมัส วีลเลอร์ บุตรชายคนโต และคุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาคนเล็กในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ
ทรงวางพวงมาลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมศพ ทรงกราบ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร เป็นพระพุทธรูปประทับยืนแบบสมภังค์ แสดงปางห้ามญาติ หรืออภัยมุทราด้วยพระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียว ที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระพิธีธรรม 8 รูปจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร สวดพระอภิธรรม จากนั้นถวายภัตตาหารแด่พระพิธีธรรม ก่อนเสด็จฯ กลับ
● ‘ชาวอาข่า’มาถวายสักการะ
ส่วนที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามในสมุดหลวงเพื่อแสดงความไว้อาลัย เมื่อเวลา 08.12 น. มีประชาชนพร้อมด้วยคณะต่างๆ สวมชุดไว้ทุกข์เดินทางมาอย่างไม่ขาดสาย หนึ่งในนั้นมีนางบูยา อาแซ่ อายุ 73 ปี ชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า เดินทางมาจาก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พร้อมลูกสะใภ้ นางศาวณีย์ มาเยอะ อายุ 44 ปี ที่พักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยทั้งคู่แต่งกายด้วยชุดชนเผ่า
นางบูยากล่าวด้วยภาษาท้องถิ่นทั้งน้ำตา โดยมีลูกสะใภ้แปลความหมายให้ฟังว่า พ่อหลวงทรงงานมานานแล้ว ตอนนี้พ่อหลวงพักผ่อนอยู่บนสวรรค์ รักพ่อหลวงและคิดถึงมาก ลูกคนไหนๆ ก็เป็นลูกของพ่อหลวงทั้งนั้น พ่อหลวงทรงสอนดี เคยรับเสด็จพ่อหลวงเมื่อตอนอายุ 43 ปี ทรงสอนให้ชาวเขาปลูกผักปลูกผลไม้ ทำให้พวกเรามีชีวิตที่ดี ชาวอาข่าหลายคนอยากมา แต่เดินทางมาลำบากมาก
● นักบินภาคภูมิใจเคยถวายงาน
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพรัช พลโยธา อายุ 77 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตนักบิน (สบ 5) สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีโอกาสได้ขับเฮลิคอปเตอร์นำขบวนเสด็จ กล่าวว่า เมื่อก่อนมีโอกาสได้ถวายงานขับเฮลิคอปเตอร์ตามขบวนเสด็จ ไปมาแล้วทุกพื้นที่ของประเทศ ต้องเป็นส่วนนำที่ขึ้นไปดูก่อน ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่สู้รบ ล้วนเป็นพื้นที่กันดาร หากเฮลิคอป เตอร์ลงไม่ได้ พระองค์จะเสด็จฯ ต่อไปเรื่อยๆ หลายครั้งที่มีคนป่วยหนัก เช่น จะคลอดลูก พระองค์รับสั่งให้นำเฮลิคอปเตอร์ย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินไปส่งโรงพยาบาลให้ทันท่วงที แต่ละครั้งได้กลับออกจากพื้นที่ก็เวลา 4-5 ทุ่ม
“ตลอดเวลาที่ได้เป็นนักบินนำขบวนเสด็จนั้น ภาพประทับติดตาคือพระองค์ทรงงาน โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คอยทรงพระอักษรถวายอยู่เคียงข้าง ในแต่ละครั้งเห็นพระองค์ทรงงานหนักเสมอ เป็นความภูมิใจที่นำเรื่องไปเล่าให้ลูกฟังได้อีกยาวนาน ความประทับใจสูงสุดคือได้รับพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ที่มีเราอยู่ในภาพนั้น ซึ่งกองงานส่วนพระองค์ส่งมาให้ เป็นความประทับใจที่สุด วันที่สวรรคตรู้สึกหัวใจสลาย น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว เป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ได้ คิดถึงเมื่อไหร่ก็ยังมีน้ำตาอยู่เสมอ” พ.ต.อ.ไพรัชกล่าว
● ‘องค์โสมฯ’ทรงทอดไก่ประทาน
เวลา 13.05 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ มายังรถเคลื่อนที่ของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ตั้งอยู่หน้ากรมศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ เพื่อทรงทอดไก่ประทานแก่พสกนิกรที่มาถวายสักการะที่ศาลาสหทัยฯ ท่ามกลางพสกนิกรต่อแถวรับข้าวเหนียวไก่ทอด
โดยวันนี้ไก่ที่นำมาทอดทั้งหมด 1,000 กิโลกรัม พร้อมข้าวเหนียว 500 กิโลกรัม อีกทั้งทางมูลนิธิยังร่วมมือกับเดอะมอลล์ กรุ๊ป และมูลนิธิลูกเสือแห่งชาติ นำไอศกรีมโบราณหลากหลายรส จำนวนกว่า 5,000 แท่ง มาแจกให้ประชาชนกินคลายร้อน รวมทั้งจัดบริการข้าวขาหมูจากร้านเจ๊หมวย เป็นร้านชื่อดังจาก จ.ราชบุรี จำนวน 2,000 จาน มาบริการประชาชนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ทรงทอดไก่อยู่นั้น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสม สวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ มีรับสั่งพร้อมแย้มพระสรวลผ่านเจ้าหน้าที่ว่าให้แจกจ่ายกับประชาชนทุกคนที่มารับอาหาร และให้ดูแลเรื่องขยะด้วย เมื่อรับประทานเสร็จแล้วควรนำไปทิ้งถังขยะให้ถูกที่
● ขอให้ปชช.ทยอยมาถวายบังคม
ขณะเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) เป็นประธานการประชุม โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จากนั้นนายสุวพันธุ์แถลงว่าหารือเตรียมการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และเพื่อให้งานทุกอย่างราบรื่น ส่วนที่สำนักพระราชวังเปิดให้เข้าเฝ้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.เป็นต้นไปนั้น ขอยืนยันว่าเวลานี้ยังไม่มีการกำหนดเวลาสิ้นสุด เนื่องจากจะเปิดให้ประชาชนทยอยเข้ากราบถวายบังคมได้ตลอด ดังนั้น ประชาชนไม่ต้องเร่งรีบที่จะมาในช่วงวันแรกๆ เท่านั้น ขอให้ทยอยกันมา
นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ศตส.วางแนวทางปฏิบัติไว้ 2 ช่วง คือวันที่ 29-31 ต.ค. คาดว่าประชาชนจำนวนมากจะเดินทางเข้ามาภายในบริเวณมณฑลพิธี จึงปิดการจราจรโดยรอบสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง เช่น ปิดตั้งแต่แยกหลานหลวง ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป แยกอรุณอมรินทร์ตั้งแต่เวลา 07.00 น. และตามแยกต่างๆ โดยรอบ จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบอีกครั้งเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่รถขนส่งมวลชนเข้าได้เท่านั้น ไม่ให้รถยนต์ส่วนบุคคลผ่านเข้ามา เพื่อให้การจราจรไหลลื่น
● คาดให้เข้าได้วันละหมื่นคน
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ช่วงที่ 2 คืออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ โดยให้รับบัตรคิวและมีจุดพักคอย ประเมินว่าจะอำนวยความสะดวกได้วันละ 10,000 คน จึงต้องขอร้องว่าไม่ต้องรีบเร่งเข้ามาช่วงวันแรกๆ ขอให้ทยอยกันเข้ามา เพราะยังมีเวลา แต่ ศตส.จะประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน หากเพิ่มจำนวนได้มากขึ้นกว่าวันละ 10,000 คน ก็จะเพิ่มให้
นายสุวพันธุ์กล่าวว่า นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมมีโครงการนำเรือใหญ่มาวิ่งให้บริการ จะทดลองวันที่ 28 ต.ค.นี้ เป็นเรือใหญ่จุได้ 400 คน เส้นทางจากท่าสาทรถึงท่าช้าง และจะประเมินว่ามีขีดความสามารถให้บริการประชาชนอย่างไร หากให้บริการในจุดอื่นๆ ได้ ก็จะเพิ่มเส้นทางอื่นต่อไป ส่วนที่จอดรถยนต์ส่วนตัวยังเป็น 8 จุดเดิมที่เคยประกาศไว้ ส่วนการพักค้างคืนของประชาชนที่มาถวายบังคมพระบรมศพนั้น สนามม้านางเลิ้งจะเปิดให้เข้าพักได้ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เตรียมเต็นท์สำหรับ 200 คน เพิ่มเติมจากเดิมที่เข้าพักได้ที่อาคารกีฬาเวสน์ สนามศุภชลาศัย และบ้านสุขใจ
● ยันไม่มีปลอมแปลง‘บัตรคิว’
นายสุวพันธุ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาคนพลัดหลง หรือเด็กหายนั้น พม. เตรียมริสต์แบนด์เขียนชื่อที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ให้ผู้ปกครองติดให้กับเด็กเอาไว้ให้ด้วย และศตส.จะประชุมอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 30 ต.ค. เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประเมินสถานการณ์จากวันที่ 29 ต.ค. อีกครั้งว่ามีจุดไหนจะต้องแก้ไขอย่างไร ทั้งนี้ กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) ยืนยันแล้วว่าการเข้าคิวของประชาชนเป็นไปอย่างรัดกุมที่สุด ไม่มีการปลอมแปลงบัตรคิวอย่างแน่นอน
เลขาฯ ศตส.กล่าวต่อว่า ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังได้ตามปกติ โดยตำรวจจราจรจะเตรียมแผนรองรับเรื่องการจราจรของรถทัวร์ท่องเที่ยวประมาณ 200 คัน โดยเฉพาะเส้นทางจากพระที่นั่งอนันตสมาคมถึงพระบรมมหาราชวัง ให้จอดรับนักท่องเที่ยวในจุดเดิมที่เคยปฏิบัติ แต่ตำรวจจราจรจะจัดการบริหารในส่วนนี้ไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า ขณะที่ ศตส.ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชี้แจงแนวทางปฏิบัติต่อสมาคมโรงแรม สมาคมทัวร์ต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
● ตร.นำกำลังจากภูธรเข้ามาเสริม
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงการอำนวยความสะดวกประชาชนที่จะเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพในวันที่ 29 ต.ค.ว่า กำชับตำรวจทุกนายที่มีหน้าที่ให้ดูแลรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ ให้เดินทางสะดวกปลอดภัย ระวังมิจฉาชีพไม่ให้เข้ามาก่อเหตุสร้างความเดือดร้อน รวมทั้งคอยดูแลไม่ให้เด็กพลัดหลง อีกทั้งยังสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัดประสานกับฝ่ายปกครอง ให้การดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนที่จะเดินทางมากทม. ภารกิจนี้ตำรวจทุกนายทำอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ นอกจากนี้ กำลังวางแผนนำกำลังจากส่วนภูธรเข้ามาเสริม ผลัดเปลี่ยนในกทม.ในช่วงพระราชพิธีตลอด 100 วัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่อ้างว่ามีตำรวจไล่กลุ่มรถจักรยานยนต์จิตอาสาออกจากบางจุดบริเวณสนามหลวง โดยให้กลุ่มรถจักรยาน ยนต์รับจ้างมาแทนที่นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตรวจสอบแล้วไม่มีตำรวจทำอย่างนั้น ไม่มีการไล่กลุ่มจิตอาสาเพื่อเปิดทางให้รถรับจ้างเข้าไป แต่ต้องยอมรับว่ากลุ่มจิตอาสามีมากมาย ก็มีบางกลุ่มที่ฉวยโอกาสแฝงตัวเป็นจิตอาสาแล้วกลับเก็บเงินค่าโดยสาร เมื่อพบแบบนี้ตำรวจจะไปจัดการกับกลุ่มเหล่านี้ ไม่ใช่การไล่กลุ่มจิตอาสาที่มาบริการประชาชนด้วยความบริสุทธิ์ใจ
● กทม.พร้อมรองรับในทุกด้าน
ที่ศาลาว่าการกทม. น.ส.ตรีดาว อภัยวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะโฆษก กทม. กล่าวว่า ส่วนการเตรียมความพร้อมดูแลประชาชนเดินทางมากราบถวายบังคมพระ บรมศพ ตั้งแต่ 29 ต.ค.นั้น ขณะนี้กทม.มีความพร้อมแล้ว เนื่องจากในแต่ละวันมีประชาชนเข้ามาในพื้นที่สนามหลวงประมาณ 40,000-80,000 คน โดยวันที่ 29 ต.ค. กทม.จะเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับประชาชนในทุกด้าน แต่อยากให้ประชาชนทยอยกันมา เพราะยังมีระยะเวลาถึง 1 ปี ยืนยันว่ากทม.จะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด
ส่วนพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ในวันที่ 29 ต.ค. กทม.จะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด เพราะถือเป็นงานสำคัญ แต่ภารกิจด้านอื่นของกทม.ในพื้นที่ภายนอก ทั้งเรื่องความปลอดภัย การแก้ปัญหาน้ำท่วม ก็ต้องดำเนินการไปพร้อมกันให้ดีที่สุดด้วย
● ป่าไม้เริ่มสำรวจไม้จันทน์หอม
ด้านนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมป่าไม้ได้รับมอบหมายให้จัดหาไม้จันทน์หอม สำหรับพระราชพิธีถวาย พระเพลิงพระบรมศพ โดยเบื้องต้นกรมป่าไม้สำรวจหาต้นไม้จันทน์หอมที่ยืนต้นตายแล้ว ส่วนมากพบในพื้นที่ จ.เพชรบุรี และจ.ประจวบคีรีขันธ์ กรมป่าไม้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ก็จัดหาในพื้นที่ด้วยเช่นกัน ส่วนจะใช้กี่ต้นนั้น ยังไม่สรุป
สำหรับไม้จันทน์หอม ถือเป็นไม้มงคล มีกลิ่นหอม เนื้อไม้สีน้ำตาลอ่อน เสี้ยนตรง เนื้อละเอียด แห้ง นำมาเลื่อยไสกบ ตกแต่งง่าย ต้นจันทน์ยืนต้นตายเองโดยธรรมชาติผิวนอกผุเปื่อยแล้วเหลือแก่นไม้จะมีกลิ่นหอมจัด คนโบราณถือว่าเป็นไม้ชั้นสูง เนื้อไม้มีกลิ่นหอม นิยมใช้ในพระราชพิธีต่างๆ พิธีสำคัญๆ ของราษฎรที่จัดเป็นวาระพิเศษ
● เพิ่มเต็นท์ผู้พิการ-ห้องน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศรอบพระบรมมหาราชวัง ยังมีประชาชน นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานราชการแต่งกายชุดสีดำไว้ทุกข์ทยอยเดินทางเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามแสดงความไว้อาลัย โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ระเบียบการแต่งกาย และข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่จะเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมาเข้าแถว ขณะที่ประชาชนบางส่วนนำดอกไม้วางข้างพระบรมมหาราชวัง เพื่อแสดงความไว้อาลัย
ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้น เจ้าหน้าที่ ตำรวจตั้งจุดตรวจประชาชนที่เดินทางมาร่วมพิธี โดยกระจายกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารตรวจตราพื้นที่อย่างเข้มงวด ขณะที่ กทม.นำเต็นท์ขนาดใหญ่ 2 หลัง มาตั้งให้ประชาชนได้เข้าไปหลบแดดพักผ่อน ทั้งยังกำหนดพื้นที่เต็นท์ผู้พิการ และผู้สูงอายุอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้ยังเพิ่มรถห้องน้ำห้องสุขาให้เพียงพอกับประชาชนรอบท้องสนามหลวง และประชาชนยังสามารถใช้บริการห้องน้ำที่ ม.ธรรมศาสตร์ และวัดมหาธาตุฯ ได้อีกด้วย ส่วนกลุ่มจิตอาสากระจายเก็บขยะรอบพื้นที่
● บำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร
วันเดียวกัน ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่หมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยในวันพฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. เวลา 17.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงวางพวงมาลาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพวงมาลาส่วนพระองค์ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ชาวพนักงานประโคมมโหระทึก สังข์ แตรฝรั่ง แตรงอน ปี่ กลองชนะ ปี่พาทย์ ทหารกองเกียรติยศพระบรมศพ ถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูปสวดพระพุทธมนต์ จบ ถวายอนุโมทนา
เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ ที่จะถวายพระธรรมเทศนาและสวดธรรมคาถาขึ้นนั่งยังอาสนะ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม สมเด็จพระราชาคณะถวายศีลและถวาย พระธรรมเทศนาจบ พระ 4 รูปสวดธรรมคาถาแล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ถวายอนุโมทนา เสด็จพระราช ดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนที่เตียงพระสวด พระอภิธรรม เสด็จพระราชดำเนินกลับ
● หมายกำหนดการวันที่ 28 ต.ค.
วันศุกร์ที่ 28 ต.ค. เวลา 10.30 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะกราบถวายบังคมพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์แต่วันก่อน สวดถวายพรพระ จบ ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา
เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ที่จะถวายพระธรรมเทศนา และสวดธรรมคาถาขึ้นนั่งยังอาสนะ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม สมเด็จพระราชาคณะถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา จบ พระ 4 รูปสวดธรรมคาถา แล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ทั้งนั้นสดับปกรณ์ถวายอนุโมทนา แล้วทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์อีก 89 รูป เท่าพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา เสด็จพระราชดำเนินกลับ
● แจกอาหารพระราชทาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลาสหทัยฯ ปิดการเข้าถวายสักการะ และลงนามแสดงความไว้อาลัย ประจำวันที่ 26 ต.ค. สำนักพระราชวังแจ้งสรุปจำนวนประชาชนที่มาในวันนี้ 33,182 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล จำนวน 1,127,520 บาท
ส่วนที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จัดซื้ออาหาร ผลไม้ ขนมหวาน และน้ำดื่ม ให้ข้าราชบริพารในกองงานส่วนพระองค์ และหน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ นำมาแจกจ่ายประชาชน
● ทรงย้ำดูแลพสกนิกรให้ดีที่สุด
สำหรับรายการอาหารพระราชทานที่แจกจ่ายประชาชนในวันที่ 26 ต.ค. ประกอบด้วย มื้อเช้า ข้าวเหนียวหมูฝอย นมกล่อง มื้อกลางวัน ข้าวหน้าไก่ ก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ลูกชิ้น อาหารว่าง ขนมไทย ขนมเค้ก คุกกี้อัลมอนด์ที่ข้าราชบริพารในพระองค์ช่วยกันทำ รวมทั้งน้ำสมุนไพร ส่วนมื้อเย็นเป็นคั่วกลิ้งหมู และซี่โครงหมูอบ
ข้าราชบริพารในพระองค์เปิดเผยว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงกำชับย้ำมาอีกว่าให้ดูแลพสกนิกร ที่เป็นแขกของพระองค์ให้ดีที่สุด สำหรับในวันที่ 29 ต.ค. ที่สำนักพระราชวังจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังนั้น คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาเป็นจำนวนมาก คงจะต้องเพิ่มจำนวนอาหารสำหรับแจกจ่ายประชาชน
● ชี้แจงวิธีเข้ากราบพระบรมศพ
ขณะเดียวกัน สำนักพระราชวังแจ้งว่า สำหรับเส้นทางที่จะให้ประชาชนเข้ามาในเขตพระบรมมหาราชวัง เพื่อกราบถวายบังคมพระบรมศพนั้น เริ่มจากมณฑลพิธีสนามหลวง เข้ามาทางประตูวิเศษไชยศรี ผ่านประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวขวาไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ถึงประตูกำแพงแก้วด้านตะวันออกของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จะมีเจ้าหน้าที่คอยจัดแถวประชาชน ก่อนให้เดินผ่านประตูกำแพงแก้วด้านตะวันออก ขึ้นสู่พระที่นั่งฯ ด้านมุขตะวันออก แล้วขึ้นไปถวายสักการะ และกราบถวายบังคมพระบรมศพ
เมื่อเข้าสู่ภายในพระที่นั่งฯ เบื้องหน้าพระบรมศพ ให้กราบพระบรมศพหนึ่งครั้งโดยไม่แบมือ จากนั้นให้กราบพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่ประดิษฐานใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 3 ครั้ง เสร็จแล้วให้ลงจากพระที่นั่งฯ เลี้ยวซ้ายออกประตูกำแพงแก้ว ด้านตะวันตกของพระที่นั่งฯ
● แนะนำการแต่งกายที่ถูกต้อง
จากนั้นให้เดินออกจากพระบรมมหาราชวังสู่ถนนมหาราช ทางประตูศรีสุนทร และประตูเทวาภิรมย์ ตามลำดับ ทั้งนี้ การเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทางสำนักพระราชวังได้ขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคน ห้ามบันทึกภาพใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับการแต่งกายเข้าถวายสักการะ โปรดแต่งกายสุภาพไว้ทุกข์สีดำ ชุดชาวเขาสำหรับชาวเขา ชุดลูกเสือสำหรับลูกเสือ ชุดนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ถูกต้องตามระเบียบของสถานศึกษานั้นๆ ส่วนสุภาพบุรุษขอความกรุณาสวมเสื้อมีปกสีดำ กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหุ้มส้นสีดำ และงดสวมกางเกงยีนส์ ขณะที่สุภาพสตรีขอความกรุณาสวมชุดสุภาพสีดำ มีแขน ไม่รัดรูป กระโปรงยาวคลุมเข่า หรือผ้าถุง รองเท้าหุ้มส้นสีดำ และงดสวม กระโปรงยีนส์
● มท.จัดคิวประชาชนต่างจังหวัด
ที่ศาลาว่าการ กทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ในวันที่ 29 ต.ค. สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. โดยกระทรวงมหาดไทยจัดคิวให้ประชาชนจากต่างจังหวัดเข้าได้วันละ 5 จังหวัด จังหวัดละ 750 คน เมื่อรวมกับประชาชนในกรุงเทพฯ และผู้ที่เดินทางมาเองจากต่างจังหวัด คาดว่าจะมีจำนวนมาก กทม.เตรียมจัดสถานที่รองรับ โดยประสานกับกองทัพบก กองทัพภาคที่ 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บช.น. และกระทรวงมหาดไทย จะร่วมดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ส่วนในยามค่ำคืนจะมีเทศกิจ ตำรวจ อาสาสมัคร และสารวัตรทหารตรวจความเรียบร้อยทั่วบริเวณสนามหลวง
พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า ส่วนการแจกบัตรคิวเป็นหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 1 ส่วน กทม.จัดเต็นท์และเก้าอี้สำหรับนั่งรอคิวก่อนเข้าไปยังพระบรมมหาราชวัง จำนวน 1,800 ตัว และด้านหลังมีเต็นท์สำหรับยืนรอ รองรับประชาชนได้อีก 1,300 คน จึงขอความร่วมมือประชาชนไม่นำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาในพื้นที่สนามหลวง เพราะจะทำให้จราจรติดขัด รัฐบาลได้มอบหมายให้กทม.ประสานกับกระทรวงคมนาคม และกองทัพจัดรถบริการประชาชนในจุดต่างๆ ไว้อย่างทั่วถึงแล้ว
● สมเด็จพระเทพฯเสด็จฯพิธีค่ำ
เวลา 15.00 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า พัชรกิติยาภา บำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง มีพระพิธีธรรมจากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรม
จากนั้นเวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ มีพระพิธีธรรม 8 รูปจากวัดจักรวรรดิราชาวาส วรมหาวิหาร และวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรม