เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่โรงแรมมิราเคิล พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กล่าวถึงการติดตามตัวผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 ว่า ตอนนี้ได้รับความร่วมมือจากประเทศที่กระทรวงยุติธรรมได้ประสานไปแล้ว โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหลายประเทศเริ่มมีการเคลื่อนไหว และแต่ละประเทศได้โทรศัพท์มาหาตน มีการตื่นตัวและให้ความร่วมมือมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ ทั้งนี้ตนได้รับการติดต่อจากเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ทั้ง 7 ประเทศ ต้องขอบคุณที่โทรมาสอบถามข้อมูล และเข้าใจสถานการณ์ รากเหง้า เข้าใจปัญหา และสิ่งที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของบ้านเมืองเราเป็นอย่างมาก และให้ความร่วมมือกับเรามากขึ้น
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความร่วมมือและความเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ติดปัญหาเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศนั้นๆ ตนเชื่อว่าหากได้ความร่วมมืออย่างแท้จริงเชื่อว่าปัญหานี้น่าจะเบาบางลงได้ หรือ ระงับยับยั้งไม่ให้ทำได้ แต่หากไปปรับทัศนคติของส่วนบุคคลไม่ได้แต่ก็ไม่ควรจะให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้ใช้โลกออนไลน์มาเผยแพร่อย่างไม่ถูกต้อง ตนเชื่อว่าประเทศต่างๆทำได้ โดยการใช้กฎหมายและวิธีการต่างๆที่มีอยู่ในประเทศนั้นๆ ควบคุม สามารถช่วยเราได้ต้องขอความร่วมมือซึ่งเขาก็ตอบรับมาดีกว่าเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความร่วมมือที่ได้รับคือลักษณะใด หมายถึงการควบคุมหมายถึงการควบคุมไม่ให้ผู้ที่กระทำผิด มาตรา112 หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ประเทศนั้นๆ เพราะตนดูจากสัญญาณที่เขาติดต่อเรามาและมีการขอข้อมูล ความถี่มันกระตือรือร้นมากกว่าเดิม โอกาสที่จะได้ตัวผู้ที่กระทำผิดมาตรา112 ในต่างประเทศกลับมาดำเนินคดีเป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศไม่ใช่ไม่หวังหรอกแต่เราก็ต้องหาทางและวิธีการ เราต้องดูความเข้มข้นทางโน้นว่าเขาจะใช้ระบบไหน เราก็อยากจะได้ตัวผู้ที่กระทำผิด มาตรา 112 กลับมา แต่นายกฯก็บอกแล้วว่าอย่าพยายามทำในสถานการณ์แบบนี้ไม่อยากให้มันทะเลาะกัน ตนบอกแล้วว่าหากสื่อและสังคมไม่ให้ความสำคัญกับกลุ่มบุคคล 7-10 คน เหล่านี้ถ้าหายไปจากโลกโซเชียลมีเดีย มันก็ไม่มีอะไร ถ้าเราเอาเขียนเป็นเรื่องมันก็เหมือนกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมากมาย
พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวว่า ทั้งนี้มีในข้อจำกัดเรื่องกฎหมายดังนั้นประเทศจึงต้องเน้นเรื่องการทำความเข้าใจและใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศ แต่ละประเทศก็มีอธิปไตย ซึ่งต้องเคารพอธิปไตยของประเทศนั้นๆ
“ผมอยากเรียนพี่น้องประชาชนว่า ให้มั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้ละเลย ในการดำเนินการดังกล่าว ใช้ช่องทางความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่ได้เน้นเรื่องต่อบุคคล ต้องพยายามให้ประเทศที่กลุ่มดังกล่าวเคลื่อนไหวอยู่ เข้าใจถึงความรู้สึกรากเหง้าของวัฒนธรรมไทย กับความรู้สึกถึงการกระทำดังกล่าว ผมว่าครั้งนี้ได้ร่วมมือจากสถานทูต เพื่อขอข้อมูลเพื่อแจ้งกลับไปยังรัฐบาลประเทศของตนเอง ซึ่งผมต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง”พล.อ.ไพบูลย์กล่าว