“เสมา 3” เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมฐานสมรรถนะตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ

และกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน เน้นย้ำการรองรับระบบการเทียบโอนผลลัพธ์การเรียนรู้ และประสบการณ์ ผ่านระบบธนาคารหน่วยกิตในอนาคต

วันที่ 19 มีนาคม 2565 เวลา 08.30 น. : นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมฐานสมรรถนะตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติและกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน โดยมี นายธฤติ ประสานสอน ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ,นายประยูร หรั่งทรัพย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (รองเลขาธิการ กช.),นายพรชัย พิศาลศิษฐ์กุล นายกสมาคมการศึกษาเอกชนนอกระบบ (ประเทศไทย) พร้อมด้วย นางศิริพรรณ ชุมนุม,นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ,นายศรายุทธ ทองอุทัย รองผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5,นางสาวพรภัทรา ฉิมพลอย รักษาการผู้อำนวยการสำนักขับเคลื่อนภารกิจพิเศษ (สคช.),ผู้แทนจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และผู้แทนจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน คณะวิทยากร ผู้บริหาร ครูโรงเรียนเอกชนนอกระบบ และผู้ที่สนใจ เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องกรุงธนบอลรูม โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพมหานคร ควบคู่กับการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live

นางกนกวรรณฯ กล่าวว่า “ด้วยบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของสถานการณ์โลกปัจจุบันและอนาคตจึงจำเป็นต้องมีบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินการของเครือข่ายทั้งในส่วนของภาคการศึกษาและภาคเอกชน ซึ่งนับได้ว่าเป็นโอกาสดีสำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ที่ได้จัดขึ้นในการบูรณาการขับเคลื่อนงานของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อการผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศด้วยระบบคุณวุฒิแห่งชาติ โดยความร่วมมือของหน่วยงานหลักทั้ง 3 หน่วยงาน ประกอบด้วยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสมาคมการศึกษาเอกชนนอกระบบ (ประเทศไทย) (ส.อ.น.) ที่ได้ร่วมกันจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมฐานสมรรถนะตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติและกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน ขึ้นมาโดยมุ่งเน้นให้ผู้บริหาร และครูแกนนำของโรงเรียนเอกชนนอกระบบทั่วประเทศ ซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญที่จะนำกระบวนการและหลักการในการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมที่ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ทำการรับรองแล้วนำไปใช้ในการฝึกอบรมให้แก่ประชาชนและผู้สนใจ ทั้งนี้ตนได้เล็งเห็นว่าผู้บริหารและครูแกนนำที่เข้าร่วมการประชุมทุกท่านถือเป็นบุคคลสำคัญเพื่อเป็นแกนนำในการขยายผลกระบวนการพัฒนาหลักสูตรนี้ไปพัฒนา “หลักสูตรฝึกอบรมฐานสมรรถนะที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ ตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ” เพื่อรองรับระบบการเทียบโอนผลลัพธ์การเรียนรู้ และประสบการณ์ ผ่านระบบธนาคารหน่วยกิตในอนาคต ซึ่งระบบคุณวุฒิแห่งชาติที่ทั้ง 3 หน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อนอยู่นี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงโลกของการศึกษากับโลกของการทำงานได้อย่างแท้จริง” นางกนกวรรณฯ กล่าวทิ้งท้าย

นายประยูรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ นี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 มีนาคม 2565 เพื่อขับเคลื่อนงานกรอบคุณวุฒิแห่งชาติในการยกระดับสมรรถนะกำลังคน ผ่านหลักสูตรการฝึกอบรมฐานสมรรถนะ โดยที่ผ่านมาสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้ดำเนินการในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ให้สอดคล้องและยึดโยงกับมาตรฐานอาชีพตามหลักการของกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ โดยมีความก้าวหน้ามาเป็นลำดับ และสำเร็จสมบูรณ์พร้อมสำหรับการจัดการเรียนการสอนให้แก่นักศึกษาที่จะเข้าศึกษาในปีการศึกษา 2565 อีกทั้งยังเป็นการขยายผลการดำเนินการดังกล่าวไปยังหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น เพื่อมุ่งพัฒนาสถานศึกษา ฝึกอบรมให้พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมให้สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ และสามารถเทียบระดับสมรรถนะได้กับระดับคุณวุฒิแห่งชาติ โดย สกศ. ได้ร่วมกับ (สช.) และ (ส.อ.น.) ได้จัดการประชุมทางวิชาการผ่านการบรรยายให้ความรู้โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงการซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมฐานสมรรถนะ ให้แก่ ผู้บริหาร ครูโรงเรียนเอกชนนอกระบบ จำนวนทั้งสิ้น 200 คน รวมถึงผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับชนการประชุมผ่านระบบ Facebook Live อาทิ โรงเรียนเอกชนนอกระบบ โรงเรียนเอกชนในระบบ ผู้บริหารสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดทั่วประเทศ และบุคลากรทางการศึกษาที่สนใจ ซึ่งภายหลังจากการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนากำลังคนตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ การใช้ระบบคุณวุฒิแห่งชาติในการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต รวมถึงการใช้มาตรฐานอาชีพเป็นเครื่องมือในการพัฒนาหลักสูตรให้ผู้เรียนและประชาชนที่ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนเอกชนนอกระบบมีสมรรถนะที่ทัดเทียมนานาประเทศ เพื่อให้ได้แนวทางการดำเนินการในอนาคต สำหรับการทดลองพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติให้เป็นรูปธรรมต่อไป นายประยูร กล่าวทิ้งท้าย