นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนกับภริยา กำลังเยือนวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเยือนอังกฤษ
เมื่อ 18 มิ.ย. ก่อนหน้านั้น เมื่อ 17 มิ.ย. ทั้งสองประเทศได้ทำข้อตกลงการค้ามูลค่า
กว่า 24,000 ล้านดอลลาร์
ซึ่งจีนจะลงทุนโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงสายใหม่จากกรุงลอนดอนเชื่อมสู่หลายเมืองทางเหนือของอังกฤษ
และยังจะลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งใหม่นอกเหนือจากโครงการพลังงานอื่นๆที่อังกฤษ
อาจนำเข้าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จากจีนซึ่งถือว่าเปลี่ยนแปลงเร็วมาก คือเริ่มจากการเป็นประเทศเศรษฐกิจ
ตกต่ำ เมื่อ 2-3 ทศวรรษก่อน สู่การเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีล้ำหน้าให้กับอังกฤษที่ถือว่าเป็นแหล่งกำเนิด
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
บทบรรณาธิการของ นสพ.โกลบอล ไทม์สของรัฐบาลจีน ระบุว่า จีนได้แซงหน้าอังกฤษในฐานะมหาอำนาจ
ของโลกไปแล้ว เป็นความจริงที่ยากจะยอมรับได้สำหรับบางคนที่ต้องการย้ำถึงความเป็นคนชั้นสูงของอังกฤษ
และปฏิเสธกรณี นสพ.ไทม์สรายงานว่าจีนตั้งเงื่อนไขการเยือนครั้งนี้ว่านายหลี่ต้องได้เข้าเฝ้าฯ
สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 พระประมุขแห่งอังกฤษ ระบุเป็นการหลอกลวง สะท้อนถึงความใจแคบ
ของสื่อและแม้แต่สังคมโดยรวมในอังกฤษ และว่าประเทศที่กำลังรุ่งโรจน์ควรเข้าใจจักรวรรดิเก่าที่กำลังตกต่ำ
ที่มีพฤติกรรมแปลกๆหลายครั้งเพื่อปิดบังความอึดอัดใจต่อเรื่องทำนองนี้
ด้านสำนักข่าวซินหัวอ้างคำแถลงของนายหลี่ที่ระบุว่าจีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่สุด ส่วนอังกฤษ
เป็นชาติอุตสาหกรรมประเทศแรก ความร่วมมือระหว่างกันที่จะเกิดขึ้นจึงไม่ใช่แค่ประโยชน์ตัวเอง แต่มีผลต่อ
ทั้งโลกด้วย โดยนายหลี่ได้เดินทางเยือนกรีซที่กำลังอยู่ในเส้นทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจต่ออีกเป็นเวลา 2 วัน
ช่วง 19-20 มิ.ย. ระหว่างนี้จะมีการลงนามข้อตกลงทั้งระหว่างรัฐต่อรัฐและสัญญาทางธุรกิจจำนวนหนึ่งด้วย
ส่วนความพยายามแก้ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ นายหยาง เจียฉี สมาชิกคณะรัฐมนตรีของจีนที่เดินทางไป
พูดคุยกับเหล่าผู้นำเวียดนามหลังเกิดขัดแย้งและปะทะกันหลายรอบ หลังจีนติดตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมัน
ในทะเลจีนใต้เมื่อเดือนที่แล้ว แต่การหารือเบื้องต้นกับนายฟาม บินห์ มินห์ รองนายกฯของเวียดนาม
ไม่คืบหน้า ต่างฝ่ายต่างยึดจุดยืนตัวเอง ขณะที่ประธานาธิบดีเบนิกโน อาคิโน ของฟิลิปปินส์จะไปเยือน
ญี่ปุ่นสัปดาห์หน้าเพื่อกระชับสัมพันธ์ช่วงที่ทั้งสองชาติขัดแย้งเรื่องดินแดนทางทะเลกับจีน