เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอี) จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 โดยมีวาระสำคัญในการเลือกตั้งประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย วาระปี 2565-2566 แทน นายไชยวัฒน์ หาญสมวงศ์ โดยที่ประชุมได้รับรอง ดร.ศุภชัย แก้วศิริ ขึ้นเป็นประธานสภาเอสเอ็มอีในวาระปี 2565-2566
นายไชยวัฒน์ หาญสมวงศ์ เปิดเผยว่า จากการก่อตั้งสภาเอสเอ็มอีมาตั้งแต่ปี 2557 โดยภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ที่ประกอบไปด้วยสมาคม มูลนิธิ ชมรม และคลัสเตอร์ต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นผู้แทนของ SMEs ในการสะท้อนปัญหาและความต้องการของ SMEs พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไปยังหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่ามี 3 Pain Point ของ SMEs ได้แก่ ด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การตลาด และด้านองค์ความรู้และนวัตกรรม จึงได้พัฒนา SMEs Smart Province โมดล เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวแบบบูรณาการครบวงจรขึ้นมา เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนา SMEs ทั้งประเทศจากระดับจังหวัดต่อไป
ด้าน ดร.ศุภชัย แก้วศิริ เปิดเผยว่า ในปี 2565 หาก สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย หรือไปในทิศทางที่ดีขึ้น สภาเอสเอ็มอีจะเร่งดำเนินการขับเคลื่อนเรื่องการฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ทั้งขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (Micro) โดยจะเริ่มต้นจากการสร้างองค์ความรู้และนวัตนกรรม การหาแหล่งเงินทุน และการขยายช่องทางการตลาดให้มากขึ้น แล้วนำเสนอมาตรการเยียวยาและช่วยเหลือภาคธุรกิจ SMEs ต่อรัฐบาลต่อไป
การให้ความช่วยเหลือด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สภาเอสเอ็มอีเสนอให้มีการจัดสรรงบประมาณในรูปแบบกองทุน SMEs ที่บริหารโดยภาคเอกชน โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนและร่วมกลั่นกรอง เพื่อดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้กับ SMEs กลุ่มต่างๆ ที่ครอบคลุมทั้ง SMEs กลุ่ม Startup และวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจรากหญ้าตัวแรก นำไปสู่ผลกระทบทางเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศต่อไป
นอกจากนี้ เสนอให้มีการยืดหยุ่นเกณฑ์ในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าธนาคารเดิมด้วยเงื่อนไขผ่อนปรน ทั้งกลุ่มที่มีประวัติการชำระปกติ กลุ่มที่เป็น NPL และ/หรือปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงกลุ่มที่ต้องการขอสินเชื่อรายใหม่ โดยพิจารณาบนพื้นฐานของสถานการณ์ไม่ปกติ
ส่วนแนวทางการช่วยเหลือ SMEs ด้านการตลาด เสนอแนวทางการเชื่อมโยงช่องทางตลาดเอาไว้ 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.การซื้อขายระหว่างจังหวัด ผ่านประธานสภาเอสเอ็มอีจังหวัด,2.การค้าชายแดน นำร่องด่านถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ และ 3.การส่งออกไปยังกลุ่มประเทศมุสลิมและยุโรปเพื่อนำรายได้เข้าประเทศด้วย
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน