ของเหลือจากโรงสีราคาถูก “รำข้าว” ต่อยอดสู่ลูกอมเคี้ยวหนึบโปรตีนสูงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับรําข้าว 35 เท่า และน้ำยาล้างผักผลไม้ปราศจากสารเคมี สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำมันรำข้าวประมาณ 6 เท่า ตัวอย่างผลงานสร้างสรรค์รางวัลนวัตกรรมข้าวไทยปี 2559 จงรัก ธนูพันธุ์ชัย ประธานกรรมการ หจก.ลูกจงรัก มองเห็นจุดเด่นของกากรำที่อุดมด้วยโปรตีนและสารอาหารที่เด็กวัยกำลังโตต้องการ จึงสนใจพัฒนาให้เป็นท็อฟฟี่ที่เป็นมิตรกับเด็ก “เรานำกากรำที่สกัดเย็นเอาน้ำมันออก จากนั้นนำมาผสมผสานสูตรให้เป็นท็อฟฟี่ แต่ผลที่ได้คือ เนื้อสัมผัสของทอฟฟี่ยังแปลกๆ และมีรสขมของรำข้าวแทรกอยู่ โดยรวมแล้วไม่อร่อย จึงหันหน้าเข้าหานักวิจัยอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม” จงรักกล่าว นักวิจัยแก้ปัญหาโดยเพิ่มส่วนผสมของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวและโมเลกุลคู่ในอัตราส่วนที่เหมาะสม พร้อมกับการเลือกใช้ไขมันทั้งชนิดอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว เพื่อกำจัดรสขมจากนั้นนำไปผ่านกระบวนการให้ความร้อนที่อุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสม ทำให้โมเลกุลจับตัวขึ้นใหม่จนเกิดโครงสร้างร่างแหที่ส่งผลทำให้เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์เคี้ยวหนึบและนุ่ม ไม่เละหรือแตกร่วน ผลที่ได้คือ ท็อฟฟี่ที่มีโปรตีนสูง มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ผู้บริโภคยอมรับ ในขณะเดียวกัน น้ำมันรำข้าวก็เป็นวัตถุดิบที่นำมาต่อยอดได้ ปิยมาศ บุญชื่น ผู้บริหารบริษัท สยามเนเชอรัล โปรดักซ์ จำกัด มองส่วนผสมน้ำยาล้างผักผลไม้และพบว่า โครงสร้างสารเคมีใกล้เคียงกับเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัทผลิตและจำหน่าย “โดยปกติ น้ำยาล้างต่างๆ จะใช้สารลดแรงตึงผิวซึ่งเป็นสารเคมี เราจึงคิดหากระบวนการที่จะไม่ใช้สารเคมีเลย ก่อนพบว่า น้ำมันรำข้าวผสมกับด่างทำให้เกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า Saponification ซึ่งทำให้เกิดเป็นเกลือของกรดไขมัน หรือเรียกอีกอย่างว่าสบู่ธรรมชาติ สบู่ธรรมชาตินี้สามารถชำระล้างคราบสกปรกที่ด่างทับทิมไม่สามารถล้างออกได้ง่ายขึ้น รวมถึงสารยาฆ่าแมลงและสารเคมีที่เคลือบอยู่บนผักและผลไม้ ที่เคลือบเป็นพิษบางๆ ยากต่อการล้างด้วยน้ำเปล่า จึงมีประสิทธิภาพในการชำระล้างได้ดีและปลอดภัยสูง เนื่องจากผลิตจากน้ำมันรำข้าว ด่างธรรมชาติและน้ำเปล่า โดยไม่มีสารกันเสียและสารเคมีอื่นๆ ตกค้าง หลงเหลือในผักและผลไม้
แชร์ให้เพื่อน