“ความเครียด” เป็นหัวข้อหลักๆ ที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยมักจะนำมาพูดคุยและค้นคว้าในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับภัยเงียบชนิดนี้ จนกระทั่งความเครียดเนี่ยแหละที่เป็นต้นตอของโรคต่างๆ อีกนับไม่ถ้วน
มนุษย์เรา เมื่อร่างกายเข้าสู้สภาวะเจ็บป่วยก็มักจะแสดงอาการสัญญาณเตือนเสมอ แต่บางครั้งอาการเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่คุณไม่เคยเจอมาก่อน คุณจึงไม่คิดที่จะรักษามันอย่างถูกวิธี หากโชคดี คุณก็หายเป็นปกติ แต่ถ้าหากโชคร้ายล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้เราจึงรวบรวมอาการต่างๆ ทั้ง 7 ชนิดที่บอกได้ว่า คุณกำลังเครียดเกินไปแล้ว ควรหาวิธีรักษาโดยเร็ว
1. ปัญหาการนอนหลับ
ในกรณีที่รูปแบบการนอน หรือเวลาเข้านอนของคุณเปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัด จนคุณนอนไม่หลับ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยในแต่ละวัน นั่นเป็นสัญญาณที่กำลังบ่งบอกว่าคุณจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตโดยด่วนค่ะ เพราะร่างกายของคุณกำลังสะสมความเครียดมากเกินไป
เมื่อร่างกายและสมองของคุณอยู่ในภาวะเครียด ร่างกายจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอุปนิสัยบางอย่างเพื่อรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้น อันดับแรกคุณจึงควรระบุหาต้นตอของปัญหาเหล่านั้น เช่น นอนฝันร้ายบ่อยๆ รู้สึกกังวลก่อนเข้านอน และสาเหตุอื่นๆ เมื่อคุณรู้สึกเครียด การพักผ่อนนอนหลับจะเป็นกิจวัตรอย่างแรกที่ได้รับผลกระทบ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะคุณสามารถปลดปล่อยความเครียดได้ด้วยตนเอง ด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การเล่นโยคะ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการนั่งสมาธิ เป็นต้น
2. ผมขาดหลุดร่วง
Carolyn Jacob ผู้ก่อตั้ง และผู้อำนวยการสถาบัน Chicago Cosmetic Surgery and Dermatology ได้กล่าวว่า “ใน 1 วัน เส้นผมของมนุษย์จะร่วงประมาณ 100 เส้น โดยที่เราไม่ได้สังเกต ความเครียดอาจส่งผลให้ระบบการทำงานภายในร่างกายแปรปรวน จนกระทั่งเส้นผมของคุณเริ่มหลุดร่วงมากผิดปกติ”
แต่ยิ่งกังวล ก็ยิ่งเครียด ผมของคุณก็จะยิ่งร่วงเป็นทวีคูณ อันดับแรก คุณควรปล่อยวาง และทำจิตใจให้เข้มแข็ง หาสาเหตุของความเครียด และกำจัดมันออกไปเสีย จากนั้นจึงค่อยๆ บำรุงเส้นผมให้กลับมีแข็งแรงอีกครั้ง
3. อารมณ์แปรปรวนได้ง่าย
หากความเครียดส่งผลกระทบต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย อารมณ์ของคุณจะแปรปรวนหรือฉุนเฉียวได้ง่าย ความเครียดยังอาจนำไปสู่ผลกระทบอื่นๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความวิตกกังวล สารเสพติด โรคย้ำคิดย้ำทำ และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต ฉะนั้นอย่ามัวแต่อยู่คนเดียวและจมปลักอยู่กับความเครียด ลองออกไปพบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน หรือทำกิจกรรมแปลกใหม่เพื่อให้จิตใจและร่างกายของคุณได้ผ่อนคลายกันดีกว่า!
4. น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ
ความเครียดก็ส่งผลต่อน้ำหนักของคุณเช่นเดียวกัน เนื่องจากความเครียดจะทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ช้าลง จนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หรืออาจจะส่งผลให้คุณรู้สึกอยากทานอาหารน้อยลงอย่างไม่มีสาเหตุ ถ้าหากคุณกำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ล่ะก็ อย่าได้นิ่งนอนใจไป และคิดหาวิธีรักษาอย่างเร่งด่วนนะคะ
5. ลุกลี้ลุกลน
ถ้าคุณกำลังรู้สึกเครียด คุณจะไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ รู้สึกจิตใจว้าวุ่นและเป็นกังวลอยู่ตลอด หากยังปล่อยให้ความเครียดดำเนินต่อไป จิตใจของคุณก็จะย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ฉะนั้นคุณควรเดินหน้าเผชิญกับความกลัวเพื่อที่จะแก้ไข คิดหาสาเหตุและต่อสู้กับมัน ทุกปัญหาและความเครียดย่อมมีทางออกรอคุณอยู่เสมอ อย่าเพิกเฉยต่อปัญหาที่คุณอาจคิดว่ามันเล็กน้อย เมื่อเวลาผ่านไปปัญหาเหล่านั้นก็อาจลุกลามจนคุณไม่สามารถรับมือกับมันได้
6. ครุ่นคิดเกี่ยวกับภาระหน้าที่และการงาน
ในบางครั้ง ภาระหน้าที่การงาน ปัญหาทางการเงินก็อาจทำให้คุณตกอยู่ในภาวะเครียดได้เช่นกัน เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราล้วนหนีไม่พ้น อาจจะมีบ้างที่คุณอยากจะทำเป็นลืมๆ มันไปโดยไม่สนใจ แต่เมินเฉยได้ไม่นาน คุณก็ต้องกลับเข้าสู่วงจรเดิมๆ โดยไม่มีข้อแม้
สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ ความกังวลไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้คลี่คลาย แต่จะทำให้คุณเครียดมากขึ้นโดยส่งผลออกมาทางสุขภาพร่างกายนั่นเอง ลองใช้ชีวิตโดยไม่ต้องยึดติดกับอุปกรณ์สื่อสาร เลิกจ้องปฏิทิน และหันมาใช้เวลากับคนที่คุณรัก ก็จะช่วยให้ความเครียดของคุณบรรเทา และพร้อมกับไปรับมือกับผัญหาอีกครั้ง
7. ไม่ค่อยอดทน
หากคุณกลายเป็นคนโกรธง่าย ไม่สามารถอดทนรออะไรได้นานๆ ไม่อาจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น หรือมีทัศนคติแย่ๆ กับบุคคลรอบตัว ทั้งเพื่อนฝูง และครอบครัว มันอาจเป็นสัญญาณเตือนให้คุณทราบว่าสภาวะทางร่างกายและจิตใจขอคุณกำลังเหน็ดเหนื่อยอย่างหนักจากการเผชิญหน้ากับเรื่องราวต่างๆ รอบตัว คุณจึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการรับมือ และจัดการกับความเครียด หรือปัญหาต่างๆ มิฉะนั้นแล้วมันก็จะส่งผลกระทบด้านลบต่อชีวิตของคุณให้คุณไม่มีความสุขอีกต่อไป
เห็นไหมล่ะคะว่า ความเครียด ความกังวล ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างที่ใครๆ คิดเลย การเก็บความเครียดและปัญหาเอาไว้คนเดียวไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างคลี่คลาย รังแต่จะทำให้เกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้น คุณควรดูแลรักษาสุขภาพและร่างกายของตัวเองให้ดีก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเมื่อคุณสุขภาพดี สุขภาพจิตและอารมณ์ของคุณก็จะพัฒนาไปในทางที่ดีเช่นเดียวกัน คุณก็พร้อมในการรับมือและใช้ชีวิตในวันต่อๆ ไป