รัฐสภาสหรัฐฯ ได้อนุมัติงบประมาณด้านการป้องกันประเทศจำนวน 777.7 พันล้านดอลลาร์ (จากการที่วุฒิสภาได้ผ่านกฎหมายงบประมาณเมื่อวันพุธที่15 ธ.ค.64 ด้วยคะแนนเสียง 89-10 หลังจากสภาผู้แทนราษฎรได้อนุมัติกฎหมายเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า) โดยเพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว เพื่อเน้นการตอบโต้จีนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในงบประมาณด้านกลาโหม ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อ National Defense Authorization Act (NDAA)
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ได้แย่ลงท่ามกลางความตึงเครียดมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงสงครามการค้า และการที่สหรัฐฯ ผลักดันการต่อต้านต่ออิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ตลอดจนการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกรณีเกาะไต้หวัน ตลอดจนการจัดหาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ให้แก่ออสเตรเลีย (ภายใต้ข้อตกลง AUKUS) และการที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตซินเจียงทางตะวันตกของประเทศ และเมื่อเร็วๆ นี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตรทางการทูตในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2022 (พ.ศ.2565) ที่กรุงปักกิ่ง โดยอ้างถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของจีนอย่างร้ายแรง
ดังนั้น ในร่างกฎหมายป้องกันประเทศของสหรัฐฯ จึงประกอบด้วยบทบัญญัติเฉพาะต่อจีนจำนวนมาก ตลอดจนเงินทุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับการวิจัย พัฒนา ทดสอบ และประเมินผล (RDTE) ซึ่งถูกมองว่าเป็นความพยายามที่จะปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยยิ่งขึ้นเพื่อตอบโต้เทคโนโลยีของจีน โดยเฉพาะการอ้างถึงจีนที่ได้เพิ่มงบประมาณทางทหาร 209 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 (พ.ศ.2564) ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 7% จากปีก่อนหน้า
สรุปโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://www.aljazeera.com/news/2021/12/16/US-military-spending-grows-as-policy-shifts-to-prioritise-China )
นำเสนอ/รายงาน
ว่าที่ พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์
ตำแหน่ง เลขาธิการ
สถาบันศึกษาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการเส้นทางสายไหม
30/12/2021