วันที่ 28 ธันวาคม 2564 ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.ร.) ศ.ดร.สมบูรณ์ สุขสำราญ อุปนายกสภา (ม.ร.) ทำหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัย พร้อมด้วยดร.สุพจน์ อร่ามวัฒนา กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ และรศ.ดร.พันธ์เทพ วิทิตอนันต์ ประธานสภาคณาจารย์และกรรมการสภามหาวิทยาลัย ตั้งโต๊ะ แถลงข่าว มติถอดถอนอธิการบดีฯ
โดยศ.ดร.สมบูรณ์ฯ กล่าวว่า ที่ประชุมสภา (ม.ร.) วันที่ 24 ธันวาคม 2564 มีการหารือร่วมกันในหลายเรื่องและหนึ่งในนั้น มีการหารือประเด็นถอดถอน ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทั้งนี้ที่ประชุมได้หารือเรื่องดังกล่าวและเสียงข้างมากเห็นว่า อธิการบดีฯ ไม่สมควรดำรงตำแหน่งอีกต่อไป
ทั้งนี้ในการประชุมวันดังกล่าว มีกรรมการสภาฯ เข้าร่วม 22 ราย ประกอบด้วยเข้าร่วมประชุมแบบ ออนไซต์ จำนวน 17 รายและประชุมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันซูม 5 ราย โดยมีมติถอดถอดอธิการบดี 16 เสียง คัดค้าน 0 และงดออกเสียง 5 เสียง และมีผลในวันที่ 25 ธันวาคม 2564
รศ.ดร.พันธ์เทพฯ กล่าวว่า การถอดถอน นายสืบพงษ์ฯ เป็นวาระที่สืบเนื่องมาจากการประชุมครั้งที่ 14/2564 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 โดยในการประชุมครั้งนั้นที่ประชุมได้สอบถาม ดร.สืบพงษ์ฯ ในฐานะอธิการบดีฯ เกี่ยวกับการบริหารมหาวิทยาลัย ใน 4 ประเด็นคือ
1.การฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยการประชุมสภา (ม.ร.) พ.ศ.2541 ตามจดหมายที่ได้มีการแจ้งเลื่อนการประชุม สภามหาวิทยาลัยฯ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 และวันที่ 9 ธันวาคม 2564
2.เรื่องการหารือกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เกี่ยวกับเอกสารที่ได้จัดส่งไปให้ (อว.) โดยไม่ได้มีการปรึกษาหารือกับสภามหาวิทยาลัยก่อน
3.การแต่งตั้งอาจารย์ที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง และ
4.เรื่องข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการสรรหานายกสภามหาวิทยาลัยฯ โดยดร.สืบพงษ์ฯ ทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 7 วัน
ทั้งนี้ดร.สืบพงษ์ฯ ได้ชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษร ในประชุมสภาฯวันที่ 24 ธันวาคม 2564 โดยกรรมการสภาฯได้สอบถาม ดร.สืบพงษ์ฯ ว่าเหตุใด อธิการบดีฯ จึงได้ฝ่าฝืนข้อบังคับของทางสภามหาวิทยาลัย ด้วยการสั่งเลื่อนการประชุมสภาฯ ถึง 2 ครั้งติดต่อกัน ทั้งที่ไม่มีอำนาจในการสั่งเลื่อน ซึ่งอธิการบดีในขณะนั้น ได้ขอใช้สิทธิ์ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรตามที่เสนอให้ที่ประชุมทุกข้อ ที่ประชุมจึงได้มีมติให้ดร.สืบพงษ์ฯ ออกจากห้องประชุมเพื่อจะได้พิจารณาคำชี้แจงอย่างรอบคอบ
“ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย พบว่า ดร.สืบพงษ์ฯ เคยดำรงตำแหน่งกรรมการสภาฯ ถึง 2 วาระ ก่อนที่จะเป็นอธิการบดี ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าไม่มีความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับข้อบังคับมหาวิทยาลัย จึงฟังไม่ขึ้น การที่ดร.สืบพงษ์ฯ ไม่เรียกประชุมสภาฯ เพื่อให้มีการเลือกอุปนายกสภาฯ ตามที่กรรมการสภาฯ 8 คนเข้าชื่อ จึงเป็นการขัดต่อข้อบังคับ ที่ประชุมสภาฯพิจารณาแล้วเห็นพ้องกันว่า การที่ฝ่ายบริหารพยายามเลื่อนการประชุมสภาฯ และไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯ ทั้งที่สภาฯ ต้องการแก้ไขปัญหาที่สร้างความเสียหายให้กับมหาวิทยาลัยไม่ให้ลุกลามบานปลาย แต่ดร.สืบพงษ์ฯ กลับไม่ให้ความร่วมมือ โดยให้เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นว่า ต้องรอคำตอบเกี่ยวกับองค์ประกอบของกรรมการสภาฯ ที่ได้หารือกับทาง (อว.) ซึ่งดร.สืบพงษ์ฯ ดำรงตำแหน่งกรรมการสภาฯถึง 2 วาระย่อมตระหนักดีว่าสภาฯไม่มีปัญหาเกี่ยวกับองค์ประกอบ” รศ.ดร.พันธ์เทพฯ กล่าว
รศ.ดร.พันธ์เทพฯ กล่าวต่อว่า การขอเลื่อนประชุมสภาฯ จะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่องานราชการของมหาวิทยาลัยในทุกด้าน โดยเฉพาะ ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจำนวนหลายพันคนที่กำลังรอในรับรองจากสภาฯ เพื่อนำไปสมัครงานสมัครเรียน ตลอดจนไปศึกษาต่างประเทศ บัณฑิตบางรายสอบเข้าทำงานแล้วแต่ก็ไม่สามารถมีใบรับรองจากสภาฯ ส่วนบางรายอาจถูกปรับเพื่อชดใช้ทุน เนื่องจากไม่มีเอสารแสดงการสำเร็จการศึกษาภายในเวลาที่กำหนด นอกจากนี้สภาฯ ไม่สามารถรับรองหลักสูตรในทุกระดับและเอกสารที่แก้ไขปรับปรุงจำนวนมากเพื่อให้ทันต่อการประกาศใช้ในปีถัดไป ส่วนอาจาย์ที่ผ่านการอนุมัติให้เข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ ก็ไม่สามารถเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการสภาฯได้เช่นกัน ความบกพร่องอย่างร้ายแรงของดร.สืบพงษ์ฯ นอกจากไม่สนใจแก้ปัญหาที่เห็นขึ้นแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงการขาดวิจารณญาณและคุณธรรมที่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งอธิการบดีต่อไป
“ส่วนกรณีที่ดร.สืบพงษ์ฯ ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการรับโอนที่ดิน 2 แปลงที่สัมพันธ์กับคดีร่ำรวยผิดปกติก่อนที่จะลงสมัครสรรหาเป็นอธิการบดีนั้น ทางสภาฯได้รับเรื่องร้องเรียนในเดือน สิงหาคม 2564 โดยจะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงและเพื่อความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งมีความคืบหน้าไปพอสมควร กรณีนี้เป็นประเด็นใหม่ซึ่งทางสภาฯเพิ่งทราบก่อนหน้าเสนอ (อว.) ให้แต่งตั้ง โดยหลังจากรับทราบก็ได้สอบถามไปยังดร.สืบพงษ์ฯ ซึ่งจะมีการพิจารณาต่อไป โดยประเด็นนี้ไม่ได้มีส่วนนำมาพิจารณาถอดถอนอธิการบดีครั้งนี้
ส่วนที่ดร.สืบพงษ์ฯ จะฟ้องศาลปกครองนั้นถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถดำเนินการได้ แต่กระบวนการภายใน (ม.ร.) ถือว่าสิ้นสุด และที่ประชุมสภาฯ ได้มีการแต่งตั้งรศ.สุวรรณี เดชวรชัย คณบดีคณะบริหารธุรกิจ กรรมการสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นผู้รักษาการแทนอธิการบดี อีกตำแหน่งหนึ่ง ส่วนการเตรียมสรรหาอธิการบดีนั้นต้องรอเวลาที่เหมาะสม “รศ.ดร.พันธ์เทพฯ ระบุในที่สุด
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน