เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ
ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ
เปิดเผยว่าตนได้รับภาพที่ถ่ายโดยนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ซึ่งเป็นภาพที่นายพอละจีพกติดตัวอยู่
ในแฟลชไดรฟ์และนำไปไหนมาไหนด้วยตลอด ภาพดังกล่าวนายพอละจีได้นำมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์
โน๊ตบุกที่บ้าน และได้รับมาจากน.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายบิลลี่ ซึ่งเป็นทั้งภาพนิ่งและภาพ
เคลื่อนไหวที่บันทึกพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกำลังใช้เลื่อยยนต์ตัดไม้จึง
ตรวจสอบไปที่ชาวบ้านในพื้นที่ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ปรากฏว่าชาวบ้านยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง
โดยเกิดขึ้นที่บ้านโป่งลึก-บางกลอย และมีชาวบ้านบางคนรู้และเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว
“การที่นายบิลลี่ เข้าไปรู้เห็นกับการที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานตัดไม้นั้น อาจเป็นอีก
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาหายตัวไปอย่างลึกลับ จึงอยากให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย” นายสุรพงษ์กล่าว
นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า หลังจากการคณะอนุกรรมการด้านชนชาติฯ ตั้งคณะทำงานเข้ามาดูแล
เรื่องการหายตัวไปของนายบิลลี่นั้น ได้ประสานไปยังตำรวจสภ.แก่งกระจาน แต่ยังพบว่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานในเรื่องนี้กันช้ามาก ทำให้คดีความยังไม่มีความคืบหน้า จึงได้ประสาน
ไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้รับเรื่องการหายตัวไปของนายบิลลี่ไว้ดำเนินคดี
ที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี น.ส.พิณนภา พร้อมนายคิงสลีย์ แอ๊บบอต ที่ปรึกษากฎหมาย
ระหว่างประเทศโครงการเอเชีย-แปซิฟิก นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรม
เพื่อสันติภาพ เข้าร่วมฟังการไต่สวนคดีที่น.ส.พิณนภา ยื่นให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินการหายตัว
ไปของสามี พร้อมขอให้เรียกนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน
และเจ้าหน้าที่อุทยานฯแก่งกระจานที่อยู่ในเหตุการณ์จับตัวนายพอละจีมาไต่สวน
โดยการไต่สวนครั้งนี้มีพยาน4ปาก ประกอบด้วย
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
นายอิศรา พฤษาเหตุ น.ส.สุวรรณา รามัญ นักศึกษาฝึกงานที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
พ.ต.ท.กลยุทธ์ วงษ์เพ็ชร์ พนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน
ซึ่งศาลไต่สวนไปได้ 3 ปาก เหลือเพียงพ.ต.ท.กลยุทธ์ แต่ทนายความจาก
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนขอเลื่อนการไต่สวนฉุกเฉินพยานปากนี้ออกไป
เป็นวันที่ 7 ก.ค. เนื่องจากเอกสารไม่พร้อม ซึ่งศาลได้อนุญาต