นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคภราดรภาพ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ (คลองไทย) เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและสังคม (สคส.) กล่าวว่า ตนได้ร่วมประชุม และศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับ พล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ ถวิลหวัง ประธานคณะกรรมการ (สคส.) ซึ่ง พล.อ.ต.ณัฐอรรจน์ฯ เคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการแห่งชาติ ศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ ที่ก่อตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี (มติครม.16 ต.ค.44) โดยที่ผ่านมาได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ (คลองไทย) มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะตอบคำถามกระทู้ที่ 002 ร. ของสมาชิกวุฒิสภาที่สอบถามผ่านราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 11 ก.พ.64 ว่า คณะกรรมการแห่งชาติฯ ชุดดังกล่าวได้บรรจุอยู่ในบัญชีรายชื่อคณะกรรมการที่ยกเลิกของกระทรวงคมนาคมไปแล้ว (สิ้นสุดสถานภาพลงแล้วเมื่อช่วงเดือนพ.ค.2548 ) ก็ตาม
นายพันธ์ยศฯ กล่าวว่า ในปี 2557 พล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ฯ ได้ตั้งคณะทำงานความร่วมมือยุทธศาสตร์การค้าไทย-จีนของรัฐบาลไทยกับนายหวี่ ปิน ประธานกรรมการบริษัท จงจิ้นริชเวย์โฮลดิ้งประเทศไทย จำกัด โดยจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลของประเทศไทยบริเวณคลองกระ รองรับการเปิดการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นเส้นทางการค้าการลงทุนในกลุ่มประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตามแนวทางการพัฒนาของประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีนที่แสดงต่อที่ประชุมเอเปค ในตอนนั้น ประธานาธิบดีจีน ได้ประชุมทวิภาคีกับพล.อ.ประยุทธ์ฯ และยกวาระการพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 มาหารือ โดยพล.อ.ประยุทธ์ฯ ได้ตอบรับในความคิดริเริ่มและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลดังกล่าว และเป็นที่มาของการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเส้นทางสายไหมทางทะเลของประเทศไทยบริเวณคลองกระ (คลองคอดกระหรือคลองไทย) โดยรัฐบาลไทยในอดีตมีมติอนุมัติให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองกระ (คลองไทย) หากดำเนินการได้นับเป็นโครงการพัฒนาที่เป็นเมกกะโปรเจคของประเทศอีกชิ้นหนึ่งที่จะสร้างความเจริญด้านเศรษฐกิจและอื่นๆของไทยในอนาคต
นายพันธ์ยศฯ กล่าวว่า นอกจาก นี้ (สคส.) ได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมกับสมาคมมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งมี พล.อ.ต.ณัฏฐอรรจน์ฯ เป็นนายกสมาคมฯ โดย (สคส.) และสมาคมมิตรภาพฯ ได้มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อใช้ในการป้องกันโควิด -19 ให้กับ สปป.ลาว โดยฯพณฯ แสง สุขะทิวง เอกอัครราชทูต สปป.ลาว ประจำประเทศไทย ให้การต้อนรับและรับมอบอุปกรณ์ข้างต้น อีกทั้งตนกับ (สคส.) นำอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 แจกจ่ายให้หลากภาคส่วน เช่น มูลนิธิกู้ภัยหลวงพ่อวัดในกุฏิ-ที่ว่าการอำเภอกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์/มูลนิธิร่วมกตัญญู/โรงพยาบาลดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ และพื้นที่อื่นๆเพื่อให้คนไทยผ่านวิกฤตไปด้วยกัน
“ในครั้งนั้นคณะได้หารือกับเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ประจำประเทศไทย เกี่ยวกับการค้า การลงทุน การคมนาคมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสองประเทศในวันข้างหน้า โดยมีเรื่องการขุดคลองกระ ร่วมเป็นหนึ่งในการหารือด้วย เพราะเส้นทางสายไหมทางทะเลคลองกระ (คลองไทย) จะเกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีนและชาติอื่นๆ หากดำเนินการเสร็จสิ้น จะมีเรือสินค้าใช้เป็นเส้นทางผ่านจากไทยไปยังประเทศฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 2,000 ลำ ร่นระยะเวลาการเดินทาง 3 เส้นทางเดิมลงได้ 7 วัน คือ 1.สายตะวันออกจากเซียะเหมิน-มหาสมุทรแฟซิฟิก-ทวีปอเมริกา,2.สายใต้จากเซียะเหมิน-เกาะไหหลำ -แหลมญวน-อ่าวไทย-แหลมมลายู และ 3.สายตะวันตกจากเซียะเหมิน-ทะเลจีนใต้ -ช่องแคบมะละกา-แหลมกู๊ดโฮป ทวีปแอฟริกา และจากการสำรวจข้อมูลโลจิสติกส์การค้าจีน-ไทย พบว่า ผู้ประกอบการธุรกิจตอบรับเข้าร่วมใช้เส้นทางสายไหมทางทะเลเส้นใหม่ของไทยสูงถึงร้อยละ60 ถือได้ว่าเส้นทางคลองกระ (คลองไทย) จะเป็นเส้นทางที่เปลี่ยนโลก-เปลี่ยนไทยในอนาคต”
นายพันธ์ยศฯ กล่าวว่า ดังนั้น (สคส.) ได้จัดทำโครงการ “คลองกระ..เส้นทางเปลี่ยนโลก” เพื่อให้นักธุรกิจรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษา และถ่ายทอดแนวความคิดโครงการนี้ไปสู่รุ่นต่อๆไปในอนาคต ในปัจจุบันโครงการนี้ได้ดำเนินกิจกรรมมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นสิ่งที่ตนหารือกับ พล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ฯ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องพบว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไปมากจากภาวะโควิด-19 ดังนั้นไทยต้องปรับตัวให้รับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ แม้ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ฯ จะบอกว่าต้องใช้เวลาศึกษารอบด้านในเรื่องนี้ แต่ความจริงแล้วสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติตั้งกมธ.วิสามัญ เพื่อศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2563 และดำเนินการเสร็จแล้ว รอเพียงบรรจุวาระให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา ตรงนี้ก็ชัดเจนระดับหนึ่งว่าสภาผู้แทนราษฎรสนใจเรื่องนี้เพราะไทยได้ประโยชน์
“แนวคิดข้างต้นของกมธ.วิสามัญฯ ตรงกับตนและพล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ฯ หวังว่าโครงการคลองกระ นั้นน่าจะนำมาหารือกันใหม่โดยขอเชิญทุกภาคส่วนร่วมกันเป็นเจ้าภาพศึกษาเรื่องนี้คู่ขนานกับรายงานของกมธ.วิสามัญฯ ชุดข้างต้น จากนั้นจัดทำประชามติให้ทุกอย่างโปร่งใสว่า ควร-ไม่ควรขุดคลองกระ แต่ตนและคณะเชื่อว่าเมกกะโปรเจคนี้หากเดินหน้าได้ ประเทศ-ประชาชนจะได้ประโยชน์ในวันข้างหน้าอย่างสูงสุด”
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน