นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ได้รับการประสานสถานการณ์น้ำจากกรมชลประทานในการเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2559 จากอัตรา วันละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 460 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
เป็นวันละ 47.50 – 50 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 550 – 580 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากบริเวณเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนฯ อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างมาก และเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์สามารถรองรับน้ำที่ไหลลงเขื่อนได้
สำหรับปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ได้วางแผนการบริหารจัดการน้ำ โดยส่งน้ำผ่านคลองระพีพัฒน์ และควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหกในอัตราวันละ 51.84 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปภ. จึงได้ประสาน 3 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำเอ่อล้นตลิ่งจากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้น
รวมถึงประสานหน่วยชลประทานในพื้นที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ เปิดปิดประตูระบายน้ำให้สอดคล้องกับอัตราความเร็วของน้ำในแม่น้ำป่าสัก และปริมาณฝนที่ไหลมาสมทบ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัย อยู่บริเวณนอกแนวคันกั้นน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก เกษตรกร ผู้ประกอบการ ร้านค้า เรือโดยสาร นักท่องเที่ยว ประชาชน ที่สัญจรทางน้ำ ผู้ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้างโครงสร้างหรือเขื่อนป้องกันตลิ่งบริเวณริมแม่น้ำป่าสัก ให้ติดตามสถานการณ์น้ำและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด