เมื่อเวลา 9 นาฬิกา 9 นาที ของวันที่ 19 ธันวาคม 2564 พลอากาศโท สุรเชษฐ ทองสลวย อุปนายกสมาคมมิตรภาพไทย-รัสเซีย ได้เป็นประธานในพิธีเปิดกรุพระ ที่ วัดเขาปกล้น ตำบลบ้านชี อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี โดยมีพระครูบาเจ้าบุญเลิศ อภิสิทธ์เมธากุล เจ้าอาวาสวัดเขาปกล้น และคณะกรรมการกองทุนมูลนิธิครูบาเจ้าบุญเลิศ พร้อมทั้งญาติโยม จำนวน 50 คนร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดกรุไหพระเก่าที่ทางคณะกรรมการได้ขุดพบไหโบราณใต้ฐานองค์พระเจดีเก่าบนยอดเขาปกล้น จำนวน 5 ใบ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2560 เปิดแล้ว 3 ไห เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2560 ทางคณะกรรมการได้นำออกมาจำหน่ายบ้างแจกให้ญาติโยมที่มาทำบุญที่วัดบ้างเงินที่ได้มาก็ได้นำมาบูรณะปฎิสังขรวัดอย่างต่อเนื่อง ต่อมาทางคณะกรรมการได้มีมติในการจัดสร้างโบสถ์จึงได้นำไหพระกรุเก่ามาเปิดอีก 1 ไห เพื่อหาทุนมาดำเนินการก่อสร้างโบสถ์ ใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท
โดยในวันที่ 19 ธันวาคม 2564 วันนี้ คณะกรรมการฯได้มีการประชุมและมีมติให้เปิดอีก 1 ไห เมื่อเปิดไหออกมาภายในไหพบพระกรุเก่า เป็นพระร่วงรางปืนทองลูกบวบ จำนวน 7 องค์ พระร่วงเนื้อชิน จำนวน 27 องค์ เจ้าพ่อพระกาฬ จำนวน 80 องค์ และในวันนี้ได้เป็นให้ญาติโยมที่มาร่วมในพิธีเช่าบูชาองค์ละ 5,000 บาท เพียงวันเดียว ส่วนที่เหลือจะให้คณะกรรมการพิจารณาในการจำหน่ายให้เช่าบูชาองค์ ราคาองค์ละเท่าไร อยู่คณะกรรมการจะพิจารณาในวันต่อไป แต่จะไม่ได้ในราคานี้แล้ว
ทั้งนี้เพื่อนำรายได้มาเป็นกองทุนสมทบในการสร้างพระอุโบสถ ทรงล้านนา มูลค่างบประมาณ จำนวน 10 ล้านบาท โดยจะเริ่มทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ใน เดือน มิถุนายน 2565 หากญาติโยมท่านใดจะร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ร่วมกับวัดก็ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 06-2881-8945 พระครูบาเจ้าคุณบุญเลิศ อภิสิทธ์เมธากุล เจ้าอาวาสวัดเขาปกล้น ได้เลย
สำหรับความเป็นมาของกรุพระเก่าอายุกว่า 700 ปี ดังกล่าวมีที่มา เนื่องจากทางวัดมีปรับพื้นที่เจดีย์เก่าที่เชื่อว่าเป็นที่เก็บอัฐิพระนางจาม เทวี ทางวัดจะทำการหล่อองค์พระนางจามเทวีที่ฐานเจดีย์เก่าเพราะไม่สามารถบูรณะได้ จึงพบกรุพระดังกล่าว
ประวัติความเป็นมาของ กรุวัดเขาปกล้น จากคำบอกเล่าของ พระอธิการจำรองวัดศรัทธาธรรมอายุ 89 ปี ซึ่งเคย รับใช้พระอุปัชฌาก๋ง อดีดเจ้าอาวาสวัดเขาสมอขอน ท่านเมตตาเล่าให้ครูบาบุญเลิศ ปิยวัณโณ ฟังว่าในสมัยรัชกาลที่ 5 วัดแห่งนี้เป็นเพียง สำนักสงฆ์ กลางป่า และยังเป็นที่เพียนภาวนาของเกจิอาจารย์ในสมัยนั้น เพราะมีภูเขาที่ไม่สูงนัก และยังสงบเงียบเหมาะแก่การทดสอบวิชาอาคมต่างๆ และเป็นที่แลกเปลี่ยนวิชาแขนง ต่างๆ ของเกจิอาจารย์ในสมัยนั้น และหลวงตายังเล่าว่าหลวงพ่อแสง วัดมณีชลขันธ์ จากเมืองลพบุรีเคยมาเรียนวิชากับ พระอุปัชฌาจีน เจ้าอาวาสวัดเขาสมอคอน ซึ่งตอนนั้นมีพระอุปัชฌาก๋งรวมรับการถ่ายทอดวิชาอยู่ด้วยจนสำเร็จวิชาแล้ว หลวงตาแสงได้ลากลับไปพักยังวัดมณีชลขันธ์ จากคำเล่าของ หลวงตาจำรองบอกว่าวันที่ท่าน อุปัชฌาจีน ได้สละสังขาน หลวงตาแสง ได้กลับมาที่ สำนักสงฆ์ เขาปกล้นอีกครั้งพร้อมสร้าง เจดีย์ไว้ที่ยอดเขาปกล้นเพื่อเป็นอณุสรณ์ ระลึกถึงคุณของพระอุปัชฌาจีน และสร้างพระใว้ใต้ฐานเจดีย์ ไม่แน่ใจมีมากน้อยเพียงใด ในสมัยสงครามเกาหลี ได้มีชาวบ้านมาขุดเอาพระเจดีย์ได้พระไปบ้างส่วน แต่ไม่สามารถเอาไปได้หมดเพราะได้เห็นพญางูใหญ่เลื้อยมาวนรอบพระเจดีย์นั้นไว้ หลังจากนั้นไม่นาน ชาวบ้านชุดเดิมได้ย้อนกับมาหวังว่าจะขุดอีกแต่ก็ต้องกลับไปไม่ได้อะไรเลย เพราะได้พบเจอกับ พญางูใหญ่ตัวนั้น จนชาวบ้านละเวกนั้นไม่กล้าที่จะเข้าใกล้พระเจดีย์นั้นอีกเลย หลวงตาท่านเอาพระพิมพ์สมเด็จที่ท่านได้รับจากท่านอุปัชฌาก๋งมาให้ ครูบาบุญเลิศดู แล้วได้ปรึกษาท่านครูบาว่าท่านครูบากำลังจะสร้างวัดเขาปกล้น หน้าจะทำพิธีของพระชุดดังกล่าวจาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของวัด ทำการขุดเอาพระชุดดังกล่าวออกมาจากใต้ฐานพระเจดีย์ ท่านครูบาบุญเลิศเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วที่จะทำการเปิดกรุใต้ฐานพระเจดีย์ นั้นเพื่อน้ำเอาพระที่ หลวงตา นำมาให้ดูในครั้งก่อนออกมาให้ประชาชนที่มีความต้องการมีของดีของ ท่าน หลวงตาแสง วัดมณีชลขันธ์ ได้สร้างไว้บูชาและรายได้ที่ได้จากการจำหน่าย พระใต้ฐานพระเจดีย์ จะได้นำไปจัดซื่อที่ดินเพื่อขยายวัดให้มีบริเวณพอที่จะสร้าง เสนาสนะสงฆ์ เพื่อสะดวกแก่การใช้เป็นที่ประกอบกิจของสงฆ์สืบต่อไป
นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
สมศักดิ์ อ่ำทอง
ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์5 เหล่าทัพ