หลี่ เค่อเฉียง นายกฯจีน เยือนไทย เน้น จีน-ไทย เร่ง “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (“一带一路” / “Belt and Road Initiative: BRI”)
ความร่วมมือเชิงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทยกับจีน จากการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เมื่อวันที่ ๒ – ๕ พ.ย.๖๒ ว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว กล่าวคือ
๑. ทั้งสองฝ่ายแสดงความพึงพอใจต่อการดำเนินความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือในกรอบเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมและข้อริเริ่มเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ ๒๑ และเห็นพ้องที่จะให้ความร่วมมือรถไฟจีน-ไทยเป็นต้นแบบความสำเร็จของความร่วมมือที่มีคุณภาพสูงภายใต้กรอบข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (“一带一路” / “Belt and Road Initiative: BRI”) รวมเร่งการดำเนินการตามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างหนองคาย – เวียงจันทน์ เร่งการดำเนินการภายใต้โครงการรถไฟจีน – สปป.ลาว – ไทย และพิจารณาแนวทางความร่วมมือในกรอบระเบียงการค้าเชื่อมทางบกและทางทะเลระหว่างประเทศสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor: ILSTC) ในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงและการพัฒนาของภูมิภาค
๒. ทั้งสองฝ่ายยืนยันความประสงค์ในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการประสานงานและการอำนวยความสะดวกการนำเข้าและส่งออกระหว่างทั้งสองประเทศเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย – จีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร และใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจรูปแบบใหม่ เช่น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนของการค้า
๓. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกรอบความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า (Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area: GBA) กับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ของไทย โดยการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกลไกความร่วมมือที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมความเชื่อมต่อระหว่าง EEC กับ GBA ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนความเชื่อมโยงระหว่าง GBA กับ EEC และภูมิภาคในภาพรวมสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
๔. ทั้งสองฝ่ายจะขยายความร่วมมือทางอุตสาหกรรมด้านกำลังการผลิตต่อไป และสร้างเสริมการทำงานร่วมกันเพื่อผลสัมฤทธิ์ด้านการวางแผนและนโยบายทางอุตสาหกรรม โดยใช้รูปแบบที่ดำเนินการมาแล้วเป็นพื้นฐาน เช่น นิคมอุตสาหกรรมไทย – จีน (ระยอง) โดยใช้ประโยชน์จากที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ของไทยในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์กับประเทศลุ่มน้ำโขงเพื่อพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความได้เปรียบ เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ยานยนต์พลังงานใหม่ ยานยนต์ประหยัดพลังงาน และยาง ฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนให้บริษัทเอกชนจีนขยายการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะพัฒนาความร่วมมือสามฝ่ายใน EEC และเห็นว่าแนวคิดความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นต้นแบบสำหรับความร่วมมือในพื้นที่อื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคและนอกภูมิภาค
๕. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงิน สนับสนุนการขยายการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าและการลงทุน ส่งเสริมเครือข่ายสถาบันการเงินและการบริการทางการเงิน และสร้างความเข้มแข็งให้ความร่วมมือด้านการกำกับดูแลข้ามพรมแดนอย่างมีประสิทธิภาพ
๖. ทั้งสองฝ่ายยินดีกับจำนวนนักท่องเที่ยวของแต่ละประเทศที่ไปมาหาสู่กันเพิ่มขึ้น (ซึ่งเมื่อ ๒ ปีก่อนนั้น ยังไม่เกิดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19) โดยผู้นำทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน ทั้งสองฝ่ายจะเสริมสร้างความร่วมมือในการรักษาความปลอดภัยและการกำกับดูแลด้านการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว การคุ้มครองความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และคุณภาพของการท่องเที่ยวรวมถึงการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระหว่างสองประเทศ รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
บทสรุป เมื่อ ๒ ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีของทั้งไทยและจีนต่างได้ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน ท่ามกลางผันผวนของเศรษฐกิจโลกผ่านกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงทางโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตและความมั่งคั่งของสองประเทศ รวมทั้งอนุภูมิภาคและภูมิภาคในภาพรวม ดังนั้น ควรได้นำข้อตกลงดังกล่าวในข้างต้นมาพิจารณาดำเนินการขับเคลื่อนต่อไป โดยปรับให้สอดคล้องกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติโดยรวม
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www3.mfa.go.th/main/th/news3/6885/111246-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%80.html และเว็บไซต์ https://mgronline.com/politics/detail/9620000106135 )
นำเสนอ/รายงาน
ว่าที่ พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์
ตำแหน่ง เลขาธิการ
สถาบันศึกษาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการเส้นทางสายไหม
7/12/2021