ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ นายนิเวศน์ หาญสมุทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เข้ารับหนังสือจากนายหน่อใจ แซ่หลอ พร้อมกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย 22 ครอบครัว ยื่นหนังสือขอกลับภูมิลำเนาเดิมในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า บ้านภูขี้เถ้า ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2564 หลังอพยพออกมาจากบ้านขี้เถ้า มามอบตัวที่ศูนย์เร่งรับผู้กลับใจ กองทัพภาคที่ 3 บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ จากการสู้รบระหว่างพรรคอมมิวนิสต์กับรัฐบาล ทำให้กลายเป็นผู้ที่ไร้ที่ดินทำกิน
สำหรับการยื่นหนังสือขอกลับภูมิลำเนาเดิมในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า บ้านภูขี้เถ้า ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สืบเนื่องจาก นายหน่อใจ แซ่หลอ พร้อม กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย 22 ครอบครัว 177 คน เดิมมีภูมิลำเนาอยู่ที่ บ้านภูขี้เถ้า หมู่ที่ 6 ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และพื้นที่ดังกล่าวได้กลายเป็นสนามรบ ระหว่างพรรคอมมิวนิสต์กับรัฐบาลเมื่อปี 2511 ทำให้ทั้ง 22 ครอบครัว ได้มอบตัวที่ศูนย์เร่งรับผู้กลับใจ กองทัพภาคที่ 3 บ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และทำให้เป็นคนไร้ที่ดินทำกิน หลังเหตุการณ์สงบ รัฐบาลจะส่งกลับภูมิลำเนาเดิม ตามหนังสือปล่อยตัวศูนย์การุณยเทพ แต่ได้มีการประกาศอุทยานภูหินร่องกล้าทับหมู่บ้านขี้เถ้าและที่ดินทำกิน ทำให้ไม่สามารถเข้าไปอาศัยและทำกินได้เพราะขัดต่อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งในโอกาสนี้ นายนิเวศน์ หาญสมุทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เข้ารับหนังสือร้องจาก นายหน่อใจ แซ่หลอ พร้อมกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย 22 ครอบครัว โดยจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมระดับจังหวัด เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ ให้กับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเชื้อสายม้งต่อไป
มนสิชา คล้ายแก้ว/สนง.ปชส.พช