ในรายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า จีนนอกจากจะมีกองทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยจำนวนเรือรบประมาณ 355 ลำแล้ว และกำลังเพิ่มกองกำลังติดอาวุธอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองคำมั่นของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่จะเปลี่ยนกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ให้มีความทันสมัยภายในปี 2035 (พ.ศ.2578) และเป็นกองทัพระดับโลกภายในปี 2049(พ.ศ.2592)
โดยจีนได้ปรับปรุงกองกำลังติดอาวุธให้ทันสมัยและปรับปรุงความพร้อมรบ ซึ่งรวมถึงความสามารถในการโจมตีที่แม่นยำในระยะไกลและเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติการในพื้นที่ที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงพื้นที่ตอบโต้ และขีดความสามารถทางไซเบอร์ ที่แสดงถึงความพยายามของจีนที่จะจัดระเบียบระหว่างประเทศใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติมากขึ้น อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของยุทธศาสตร์ในการบรรลุเป้าหมายในการฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน ซึ่งรวมถึงอำนาจทางทหาร
ทั้งนี้ ในระยะอันใกล้นอกจากจะมีขีดความสามารถในการทำการโจมตีระยะไกลอย่างแม่นยำ โดยเฉพาะเป้าหมายภาคพื้นดินจากเรือดำน้ำ รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถของเรือรบผิวน้ำในการใช้ขีปนาวุธร่อนโจมตีทางบก ตลอดจนขีดความสามารถในการต่อต้านเรือดำน้ำเพื่อปกป้องเรือบรรทุกเครื่องบินของจีนและเรือดำน้ำขีปนาวุธนำวิถี ในขณะที่เร่งการฝึกอบรมและจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับกำลังพลที่ประจำการ 975,000 นายในหน่วยรบ
นอกจากนี้ จีนกำลังขยายขีดความสามารถด้านอาวุธนิวเคลียร์ได้เร็วกว่าที่คาดการณ์โดยสามารถเพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ได้ถึง 700 หัวภายในปี 2027 (พ.ศ.2570) และจะมีหัวรบ 1,000 หัวได้ภายในปี 2030 (พ.ศ.2573)
ส่วนกองทัพอากาศจีนก็มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก โดยมีเครื่องบินรวมมากกว่า 2,800 ลำ โดยเป็นเครื่องบินรบ เครื่องบินทิ้งระเบิด และเครื่องบินโจมตี จำนวน 2,250 ลำ
สรุปโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://nypost.com/2021/11/09/china-seeking-world-class-military-by-2049-pentagon-report/ )
นำเสนอ/รายงาน
ว่าที่ พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์
ตำแหน่ง เลขาธิการ
สถาบันศึกษาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการเส้นทางสายไหม
16/11/2021