ตามที่มีการนำเสนอข่าวโดยสื่อมวลชนเกี่ยวกับการดำเนินคดี นายจั๋ง หยาง หรือลีโอ พร้อมพวก เพื่อให้เกิดความเข้าใจแก่สังคม ตำรวจภูธรภาค 2 ขอแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินคดี นายจั๋ง หยาง หรือลีโอ พร้อมพวก ดังนี้
ด้วยเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 14.00 น. ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด ตำรวจภูธรภาค 2 รวม 15 นาย นำหมายค้นของ ศาลจังหวัดพัทยา เข้าทำการตรวจค้น บ้านเลขที่ 113/76 หมู่ที่ 9 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เนื่องจากสืบสวนทราบว่าที่บ้านดังกล่าวมีกลุ่มคนจีนที่พักอาศัยอยู่ มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องการลักลอบเล่นการพนันออนไลน์ และตามวันเวลาดังกล่าวขณะเข้าทำการตรวจค้นพบ นายจั๋ง หยาง หรือลีโอ (MR.YANG ZHANG) เจ้าของบ้าน นายจั๋ง หยาง หรือลีโอ ได้ใช้อาวุธปืนยิงออกมาจากห้องนอนจำนวนหลายสิบนัดเป็นเหตุให้กระสุนปืนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นได้รับบาดเจ็บ 2 นาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้ทำการจับกุมตัว นายจั๋ง หยาง พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ มีไว้หรือได้มาจากการกระทำผิดนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี โดยกล่าวหาว่า “พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่,ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้ไปทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ และ พบว่ามีทรัพย์สินที่เชื่อว่าจะเกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิด หรือใช้เป็นพยานหลักฐาน จึงทำการตรวจยึดเพื่อตรวจสอบ ประเด็นชี้แจงจากข่าวคือ
1.มูลเหตุแห่งการตรวจยึดและการเก็บรักษา
1.1 คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นทำการตรวจยึดเพียง อาวุธปืน และซองบรรจุกระสุนปืนนำส่งพนักงานสอบสวนเท่านั้น ส่วนสิ่งของอื่นไม่ได้ทำการตรวจยึด
1.2 เมื่อพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งเหตุและได้ไปตรวจที่เกิดเหตุ พบ ปลอกกระสุนปืน เสื้อเกราะกันกระสุน โล่กันกระสุน แก๊สน้ำตา ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ใช้ มีไว้ หรือได้มาจากการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนจำเป็นต้องใช้เป็นพยานหลักฐาน ประกอบกับยังพบทรัพย์สินอื่นอีกจำนวนมาก อันได้แก่ เงินสดจำนวน 27,395,500 บาท,เช็คเงินสด 24 ล้านบาท,เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมาก,เครื่องอิเล็กทรอนิกส์,บัตรประจำตัวประชาชนผู้ต้องหาปลอม และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อันได้แก่ เครื่องประดับ,นาฬิกา,สร้อย และพระเลี่ยมทอง ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวน่าจะเกี่ยวเนื่อง เชื่อมโยง จึงได้ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา มาตรา 131,132 ตามที่กฎหมายให้อำนาจเกี่ยวกับการตรวจยึดทรัพย์สินดังกล่าว ประกอบกับทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่มีค่าจำนวนมากหากไม่นำมาเก็บรักษาอาจเกิดการเสียหาย สูญหาย หรือถูกประทุษร้ายไป เจ้าของทรัพย์อาจจะมาฟ้องร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติและพนักงานสอบสวนที่ไม่ดูแลทรัพย์สินของประชาชน
2.เหตุแห่งการคืน
2.1 คดีนี้เป็นคดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถจะทำได้ เพื่อประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหาเพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำความผิด และพิสูจน์ให้เห็นความผิด หรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา ส่วนกรณีทรัพย์สินอื่นอันได้แก่ เงินสด,เช็ค,เงินสด,เครื่องประดับ,นาฬิกา และของมีค่าอื่นๆ จากการสอบสวนฝ่ายผู้ตรวจค้น พบว่าไม่มีข้อมูลความคืบหน้าทางการสืบสวนเกี่ยวข้องกับมูลเหตุแห่งการตรวจค้น ประกอบกับคดีนี้เมื่อพนักงานอัยการได้รับสำนวน และตรวจพิจารณาแล้วได้สั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติมบางประเด็น แต่ไม่มีส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินมีค่าดังกล่าว
2.2 คณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมพิจารณา และได้ข้อสรุปเห็นว่ายังไม่รับแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมหรือรายงานใดๆ ที่เป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่ยึดไว้ และพนักงานสอบสวนได้เชิญเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นมาพบเพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าทางการสืบสวนเกี่ยวข้องกับมูลเหตุแห่งการตรวจค้น ได้รับการยืนยันว่ายังไม่มีความคืบหน้า ประกอบกับเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 ผู้ต้องหา ได้มอบอำนาจให้ทนายความมายื่นคำร้องขอทราบรายละเอียดทรัพย์สินที่ถูกตรวจยึด และขอรับทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีคืน คณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นว่าเมื่อคดีได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการรับไว้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งพนักงานอัยการก็ไม่มีประเด็นจะสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับทรัพย์สินดังกล่าว การที่จะเก็บทรัพย์สินต่อไปโดยอ้างเหตุจำเป็นที่จะรอผลการสืบสวนโดยไม่มีระยะเวลาที่ชัดเจน อาจเป็นการยึดหน่วงสิ่งของที่ไม่ชอบ คณะพนักงานสอบสวนจึงมีมติที่ประชุมเห็นชอบคืนสิ่งของดังกล่าวให้กับเจ้าของรับคืนไป
3.เงื่อนเวลาในการสอบสวน
- จับกุม นายจั๋ง หยาง ผู้ต้องหา วันที่ 19 พ.ค.64
- แจ้งเลขาธิการ ปปง.ให้ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินตามกฎหมายฟอกเงิน วันที่ 20 พ.ค.64
- ยื่นฝากขังต่อศาลจังหวัดพัทยา วันที่ 21 พ.ค.64
- สรุปสำนวนส่งอัยการ วันที่ 3 ส.ค.64
- วันที่ 20 ส.ค.64 ประชุมคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ตรวจยึด มีมติคืนสิ่งของให้แก่ผู้ต้องหา
- วันที่ 23 ส.ค.64 คืนทรัพย์สินผู้ต้องหา
4.ทรัพย์สินอื่นของนายจั๋ง หยาง ผู้ต้องหา จากการตรวจสอบยังพบว่าผู้ต้องหายังมีทรัพย์สินอื่นที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าทรัพย์สินที่ได้รับคืนไปจากพนักงานสอบสวนหลายเท่า การที่ผู้ต้องหารับทรัพย์สินคืนไปจากพนักงานสอบสวน ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ผู้ต้องหาจะหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร
5.อำนาจพนักงานสอบสวน คดีนี้ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แจ้งพฤติการณ์และการกระทำความผิด จนต่อมาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เพิกถอนหนังสือเดินทาง และถูกกัก ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรแต่ภายหลังศาลจังหวัดพัทยาได้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร การที่ผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จึงเป็นสิทธิตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจใดๆ เข้าไปคัดค้านการเดินทาง ประกอบกับไม่มีการประสานงานจากศาลแจ้งให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการอย่างใดกับผู้ต้องหาดังกล่าว อีกทั้งฝ่ายผู้ต้องหามีทีมทนายความ ที่ปรึกษากฎหมาย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางกฎหมาย หากพนักงานสอบสวนกระทำการใดที่กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้ และการกระทำนั้นไปละเมิดสิทธิผู้ต้องหา อาจถูกฟ้องร้องได้
6.กรณีบัตรประจำตัวประชาชนปลอมที่ตรวจยึดไว้ จากการสอบสวนทราบว่าความผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจสอบสวนของ สภ.เมืองชัยภูมิ ได้ส่งข้อมูลและบัตรประจำตัวประชาชนปลอม (ของกลาง) ให้ สภ.เมืองชัยภูมิ และ แจ้งผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ดำเนินคดีกับ นายจั๋ง หยาง แล้ว ต่อมาได้รับแจ้งจาก สภ.เมืองชัยภูมิ เกี่ยวกับการดำเนินคดี กับนายจั๋ง หยาง ว่า สภ.เมืองชัยภูมิ ได้ส่งคำร้องทุกข์กล่าวโทษกรณีกล่าวหานายจั๋ง หยาง ให้เลขาธิการ ปปช. คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการของ ปปช.ภาค 3
7.กรณีเครื่องคอมพิวเตอร์,เครื่องอิเลคทรอนิคส์ที่ตรวจยึดไว้ ได้นำส่งกองพิสูจน์หลักฐานกลางเพื่อตรวจพิสูจน์และสำเนาข้อมูล อยู่ระหว่างการรวบรวมรายงานเอกสารจากผู้เชี่ยวชาญ
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน