(22 ต.ค.64)นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ส่งหนังสือถึงตนเมื่อวันที่ 14 ต.ค.64 แจ้งให้ทราบว่า ตามที่ได้ส่งหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ขอให้พิจารณาดำเนินการทางจริยธรรมกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และขอถอนเรื่องร้องเรียนเฉพาะของนายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จากกรณีเมื่อวันที่ 12 เม.ย.64 เวลาประมาณ 19.00 น. นายสมศักดิ์พร้อมคณะเดินทางไปที่ร้านคาเฟ่ เดอ ทรี อ.เมือง จ.สุโขทัย ร่วมกิจกรรมชุมนุมคน มีการจัดรดน้ำตามประเพณีสงกรานต์ และงานเลี้ยงสังสรรค์ ร้องเพลงคาราโอเกะ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย มีผู้ร่วมงานทั้งสิ้นประมาณ 21 คน อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายฉบับ เป็นการร่วมชุมนุมฝ่าฝืนพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ 2548 มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ผิดพรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ฝ่าฝืนประกาศหรือคำสั่งในสถานการณ์โควิด-19 ของนายกรัฐมนตรี และจังหวัดสุโขทัย กระทบกระเทือนต่อจิตใจของประชาชนที่เคารพกฎหมายทั้งประเทศ ทั้งที่นายสมศักดิ์ มีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ควรต้องเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาชน เพราะอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดโรคระลอกที่ 3 แต่ยังบังอาจฝ่าฝืนคำสั่งนายกรัฐมนตรี และกฎหมาย อันเป็นความผิดอาญาและมาตรฐานทางจริยธรรม ผลของการจัดงานดังกล่าวทำให้ผู้ร่วมงานติดโรคโควิด-19 จำนวน 21 คน และแพร่ไปทั่วจังหวัดสุโขทัย จำนวน 55 คน มีผู้เสียชีวิตถึง 3 คนนั้น บัดนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาดำเนินการแล้ว
นายวัชระ กล่าวว่า ในที่สุดสภาฯยังเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ และเมื่อเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ก็จะทราบผลภายใน 60 วันนับจากวันที่ 14 ตุลาคมเป็นต้นไป
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการจริยธรรม สภาฯพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายสมศักดิ์ มีความผิดตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.2563 มีโทษหนักถึงขั้น “หมดสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต” เสมือนกับ “โทษประหารทางการเมือง”เลยทีเดียว