หวัง อี้ รมต.ต่างประเทศจีน กล่าวสุนทรพจน์ ครบรอบ 30 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์จีน-อาเซียน
นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้เข้าร่วมและกล่าวสุนทรพจน์ในโอกาส “ครบรอบ ๓๐ ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์การเจรจาจีน-อาเซียน” (“ 中国-东盟建立对话关系30周年纪念”) เมื่อวันที่ ๘ ต.ค.๖๔ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. นายหวัง อี้ กล่าวว่า นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์กันในปี ๑๙๙๑ (พ.ศ.๒๕๓๔) จีนและอาเซียนได้เริ่มดำเนินการบนเส้นทางแห่งความสามัคคี และความร่วมมือแบบ win-win โดยทั้งสองฝ่ายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกันและกัน เป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่มีพลวัตมากที่สุด และเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่มีความหมายมากที่สุด และได้นำประโยชน์มหาศาลมาสู่ประชาชน ๒ พันล้านคนจาก ๑๑ ประเทศ รวมทั้งมีส่วนสำคัญต่อสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนาในภูมิภาคและโลก ตลอด ๓๐ ปีที่ผ่านมา
๒. นายหวัง อี้ เสนอข้อเสนอ ๖ ประการ ได้แก่
๒.๑ ประการแรกคือ การร่างวิสัยทัศน์ของความร่วมมือเพื่อส่งเสริมคุณภาพและการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย
๒.๒ ประการที่สองคือ การเป็นผู้นำการพัฒนาและความร่วมมือในทางปฏิบัติ เสริมสร้างยุทธศาสตร์การพัฒนาการสร้าง “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (“一带一路”) ที่มีคุณภาพสูง ส่งเสริมการดำเนินการตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค สำรวจพื้นที่ที่เกิดขึ้นใหม่อย่างจริงจัง เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรมทางเทคโนโลยี และเศรษฐกิจสีน้ำเงิน และส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสีเขียวในระดับภูมิภาคและการพัฒนาที่ยั่งยืน
๒.๓ ประการที่สามคือ การเสริมสร้างการดำรงชีวิตของประชาชนและแบ่งปันผลของความร่วมมือ โดยจีนจะพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดหาวัคซีนและวัสดุป้องกันโรคระบาดอื่น ๆ ให้กับประเทศในอาเซียน สนับสนุนการสร้างศูนย์การผลิตและจำหน่ายวัคซีนในภูมิภาค และร่วมกันปรับปรุงระดับความร่วมมือด้านสาธารณสุขเพื่อประกันชีวิตและสุขภาพของประชาชน โดยทั้งสองฝ่ายควรกระชับความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การลดความยากจน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการพัฒนาสังคม และทำงานร่วมกันเพื่อความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันมากขึ้น
๒.๔ ประการที่สี่คือ การสืบทอดมิตรภาพจากรุ่นสู่รุ่นและรวมเสาหลักของการแลกเปลี่ยนทางสังคมและวัฒนธรรม โดยให้ความสำคัญกับกองทุนความร่วมมือจีน-อาเซียนและสมาคมจีน-อาเซียน เสริมสร้างความร่วมมือด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยว เยาวชน สื่อ และคลังสมอง ตลอดจนรวมรากฐานความคิดเห็นสาธารณะเพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี
๒.๕ ประการที่ห้าคือ การมุ่งเน้นไปที่วิสัยทัศน์ของสันติภาพและรักษาเสถียรภาพในระยะยาวในทะเลจีนใต้ จำเป็นต้องดำเนินการตาม “ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้” (“南海各方行为宣言” / Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea: DOC) โดยจะจัดการข้อพิพาทอย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ เร่งการเจรจาเรื่อง “ประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้” (“南海行为准则” / Code of Conduct in the South China Sea: COC) โดยดำเนินการความร่วมมือทางทะเลอย่างต่อเนื่องและทำงานร่วมกันเพื่อสร้างทะเลจีนใต้ให้เป็นทะเลที่สงบสุข ทะเลแห่งมิตรภาพ และทะเลแห่งความร่วมมือ
๒.๖ ประการที่หก คือ ต้องยึดมั่นในธงแห่งการพัฒนาและความร่วมมืออย่างสันติ นำความคิดริเริ่มด้านการพัฒนาระดับโลกไปใช้อย่างจริงจัง และร่วมมือกันในธรรมาภิบาลระดับโลก ร่วมกันฝึกฝนพหุภาคีที่แท้จริงและลัทธิภูมิภาคแบบเปิด ต่อต้านลัทธิฝ่ายเดียว รวมทั้งการปกป้องและต่อต้านแนวคิดสงครามเย็น ส่งเสริมการพัฒนาระเบียบระหว่างประเทศในทิศทางที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผลมากขึ้น
บทสรุป นายหวัง อี้ เน้นว่าการมองไปข้างหน้าถึงอนาคต ทั้งสองฝ่ายควรทำงานร่วมกันต่อไปและก้าวไปข้างหน้าเคียงข้างกันเพื่อสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับความสัมพันธ์จีน-อาเซียน
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://news.ifeng.com/c/8ABuKtZfZoO?_share=weixin )
นำเสนอ/รายงาน
ว่าที่ พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์
ตำแหน่ง เลขาธิการ
สถาบันศึกษาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการเส้นทางสายไหม
14/10/2021