เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 เวลา 09.30 น. ตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่,พล.ต.ต.วรพงค์ คำลือ ผบก.บก.สส.ภ.5 และ พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้ รอง ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่,พ.ต.อ.สกุลรัชช์ คงทอง ผกก.สภ.นาหวาย จ.เชียงใหม่ แถลงข่าวผลการจับกุมขบวนการลักลอบขนยาเสพติดรายสำคัญ พร้อมของกลาง เฮโรอีน 35 กิโลกรัม ในท้องที่ สภ.นาหวาย จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องจำนวน 4 คน หลบหนีไปได้ 1 คน ดังนี้ 1.นายอาทิตย์ จะวอ อายุ 26 ปี ที่อยู่ 36 ม.15 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่,2.นายอาคาริ จะอื่อ อายุ 24 ปี ที่อยู่ 401 ม.3 ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ (หลบหนี),3.นายจะอื่อ จะทอป่า อายุ 36 ปี ที่อยู่ 338 ม.10 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และ4.นายจะนู (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี
โดยสามารถจับกุม ผู้ต้องหาที่ 1 ได้บริเวณ ริมถนนสาย 3002 หน้าสุสานบ้านทุ่งข้าวหลวง ม.5 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องจับกุม ผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ที่บริเวณศาลาที่พักริมทาง สามแยกปิงโค้ง ขาเข้าเมือง ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
พร้อมด้วยของกลางเฮโรอีนประมาณ 35 กิโลกรัม แบ่งเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ชนิดผงบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส มีโลโก้สิงโตคู่เหยียบลูกโลก สีแดง น้ำหนักรวมสิ่งบรรจุภัณฑ์ประมาณ 350 กรัม บรรจุในกล่องกระดาษ สีขาว ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 2 ใบ รวม 30ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 10,500 กรัม และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ชนิดผง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส มีโลโก้สิงโตคู่เหยียบลูกโลก สีแดง น้ำหนักรวมสิ่งบรรจุภัณฑ์ประมาณ 350 กรัม บรรจุในกล่องกระดาษ สีขาว ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำ จำนวน 5 ใบ รวม 70 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 24,500 กรัม โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2564 เวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่า มีเครือข่ายกลุ่มเครือข่ายนายลี ซึ่งเป็นคนจีนและเครือข่ายนายจะนะ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ จะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก โดยใช้เส้นทาง ปิงโค้ง-บ้านทุ่งข้าวหลวง (ถ.3002) ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่ตอนในของ จ.เชียงใหม่ จึงเข้าทำการตรวจสอบตามที่รับแจ้ง โดยวางกำลังตามเส้นทางเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว โดยวางกำลังตามเส้นทางดังกล่าว และใกล้เคียง
ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจพบกลุ่มผู้ต้องหา อยู่ที่ศาลาที่พักริมทาง สามแยกปิงโค้ง ขาเข้าเมืองฯ ซึ่งจากการสังเกตพบว่า มีการพูดคุยโทรศัพท์โดยการใช้หูฟังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสงสัยว่าจะทำหน้าที่ ดูต้นทางให้กับกลุ่มลำเลียงยาเสพติดตามที่สายลับแจ้ง ต่อมาตามเวลาจับกุมเจ้าพนักงานตำรวจพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน ผก 1509 เชียงใหม่ ขับรถยนต์คันดังกล่าวมาจากอ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เจ้าพนักงานตำรวจที่เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าวเห็นว่ามีการส่งสัญญาณโดยการชี้ทางให้รถยนต์คันดังกล่าวให้ทำการเลี้ยวขวาที่แยกปิงโค้ง โดยมีชายขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่มียี่ห้อ สีและหมายเลขทะเบียน ซึ่งจอดรออยู่เป็นผู้ขับนำทางรถยนต์ของกลุ่มผู้ต้องหามุ่งหน้ามาทางบ้านห้วยทรายชาวฯ ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ ทำการขับติดตามรถคันดังกล่าวไป พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้เลี้ยวขวาเข้าไปในสุสานบ้านทุ่งข้าวหลวงฯ ซึ่งสงสัยว่าอาจเป็นรถที่เกี่ยวข้องกับการลำเลียงยาเสพติดตามที่สายลับแจ้ง
เจ้าพนักงานตำรวจจึงเข้าทำการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวโดยการเดินเท้าเข้าไป พบผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 กำลัง ยกของกลางรายการที่ 1 วางไว้ที่บริเวณท้ายกระบะรถยนต์ จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาเห็นเจ้าพนักงานตำรวจกำลังเข้ามาจับกุม ผู้ต้องหาที่ 2 จึงได้ขับรถยนต์ ออกมาด้วยความเร็วเพื่อทำการหลบหนี โดยผู้ต้องหาที่ 2 ได้ขับรถออกจากสุสานโดยเลี้ยวขวาไปทางหมู่บ้านห้วยทรายขาวฯ ประมาณ 100 เมตร จึงได้ทำการทิ้งรถคันดังกล่าวเนื่องจากล้อหน้าแตกไม่สามารถขับต่อไปได้ และ ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้ทำการติดตามไปแต่ไม่พบตัวผู้ต้องหาที่ 2 ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 ได้ทำการวิ่งหนี เจ้าพนักงานตำรวจได้ทำการติดตามจนสามารถควบคุมตัวได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 ที่นั่งรออยู่บริเวณศาลาที่พักริมทางสามแยกปิงโค้ง ขาเข้าเมืองฯ รแล้วนำตัวผู้ต้องหาทั้งสามคน พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย จ.เชียงใหม่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งหลบหนีไป ผบช.ภ.5 ได้กำชับและสั่งการให้ทำการออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าวแล้ว และให้เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีกฎหมายต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน