วันที่ 12 ต.ค.64 เวลา 11.00 น. ณ ลานเอนกประสงค์ บช.น. : พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น.,พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์,พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์,พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. เเละ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี,พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์,พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา,พ.ต.อ.ศุภวัช ปานแดง รอง ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.,พ.ต.ท.อัครพล โทยะ,พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์,พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร,พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. และกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล
นำทีมโดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ,พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์,พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส,พ.ต.อ.กิตติศัพท์ ทองศรีวงศ์,พ.ต.อ.บันลือศักดิ์ แสงสว่าง รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ธนศุภณัฏฐ์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.สุชาติ มงคลพิพัฒน์ รอง ผกก.กก.สส.2 บก.สส.บช.น.ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติดังนี้ จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย คือ น.ส.อังควิภา การบรรจง อายุ 20 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ประมาณ 962,000 เม็ด,ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ประมาณ 195,950 เม็ด,ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) 104 แท่ง น้ำหนักประมาณ 38 กก.,ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ประมาณ 3 กก.,รถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ถช 8400 กรุงเทพมหานคร และ รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน กว 6816 พระนครศรีอยุธยา
รวมมูลค่าประมาณ 157,900,000 บาท ทรัพย์สินตรวจยึดตาม พ.ร.บ.มาตราการ รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน กฉ 2654 อุทัยธานี มูลค่าประมาณ 500,000 บาท โดยแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,เฮโรอีน,ยาอี,ไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยจับกุมได้ที่บริเวณถนนภายในหมู่บ้านหน้าวัดซับตะกั่ว หมู่ที่ 1 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี,บริเวณถนนภายในไร่อ้อย หมู่ที่ 5 ต.น้ำหยด อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์และบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 72 หมู่ที่ 5 ต.น้ำหยดอ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ต่อเนื่องกัน
สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส. บช.น. ชุดจับกุมได้ร่วมกันบูรณาการสืบสวนหาข่าวผู้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด จากการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางซึ่งได้จับกุมไปก่อนหน้านี้แล้วประกอบกับได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ากลุ่มเครือข่ายขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดนั้นพักอาศัยอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ และจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะไปรับยาเสพติดตามแนวตะเข็บชายแดนจ.มุกดาหาร เพื่อนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าที่อยู่ภาคกลาง ซึ่งกลุ่มเครือข่ายนี้จะใช้รถยนต์กระบะตู้ทึบบรรทุกยาเสพติดในการบรรทุกยาเสพติด และมีรถยนต์กระบะเป็นรถนำทางเพื่อตรวจสอบเส้นทางในการเลี่ยงด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้รอดพ้นจากการตรวจค้นจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาวันที่ 9 ต.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่ากลุ่มเครือข่ายนี้จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดโดยออกจาก จ.เพชรบูรณ์ ไปรับยาเสพติดตามแนวตะเข็บชายแดน จ.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันติดตามสังเกตการณ์รถยนต์เป้าหมาย จนกระทั้งทราบว่ากลุ่มเครือข่ายนี้ได้ไปรับรถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ถช 8400 กรุงเทพมหานคร ซึ่งภายในได้บรรทุกยาเสพติดไว้แล้ว และจอดอยู่บริเวณหน้าวัดสองคอน อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร และมีรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน กว 6816 พระนครศรีอยุธยา ขับนำทางเพื่อตรวจสอบด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อรับยาเสพติดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้ลำเลียงยาเสพติดมาจนถึงบริเวณเลย อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา รถเป้าหมายทั้ง 2 คันได้ไหวตัวทัน พยายามขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามรถทั้ง 2 คัน และพบรถยนต์กระบะตู้ทึบจอดทิ้งไว้บริเวณถนนภายในหมู่บ้านหน้าวัดซับตะกั่ว หมู่ที่ 1 ต.นิยมชัย อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี
ส่วนผู้ต้องหานั้นได้อาศัยความมืดหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปได้ เมื่อตรวจสอบภายในรถพบยาเสพติดของกลางทั้งหมดอยู่ในตู้ทึบหลังรถ และได้ติดตามรถกระบะที่ทำหน้าที่นำทางไปจนถึงบริเวณถนนภายในไร่อ้อย หมู่ที่ 5 ต.น้ำหยด อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ พบผู้ต้องหาเดินออกมาจากไร้อ้อยบริเวณบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 72 หมู่ที่ 5 ต.น้ำหยด อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม และตรวจสอบรถยนต์กระบะจอดอยู่ในไร่อ้อย สอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่าตนได้นั่งรถนำ คอยระวังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้คนขับส่งตนเพื่อหลบหนี แต่ถูกจับกุมเสียก่อน ส่วนคนขับหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปได้ จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาที่ กก.สายตรวจ บก.สปพ. เพื่อจัดทำบันทึกการจับกุม และนำตัวส่ง พงส.บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หากประชาชนท่านใด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด เกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด หรือสิ่งของผิดกฎหมาย โซเชียลมีเดีย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ สายด่วน 191,เพจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน