พาณิชย์เกาะติดราคาผักช่วงกินเจ พบไม่น่าห่วงขยับเล็กน้อยเฉลี่ย 5 บาท สั่งกระจายสินค้า ขอความร่วมมือผู้ผลิตอาหารสัตว์ชะลอนำเข้าข้าวสาลี หันซื้อข้าวโพดในประเทศแทน
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาพืชผักในช่วงเทศกาลกินเจ ปีนี้ว่า ราคาผักส่วนใหญ่ยังคงทรงตัวและมีปริมาณเพียงพอ แต่จะมีผักที่นิยมใช้เป็นวัตถุดิบประกอบอาหารเจบางชนิดที่ปรับขึ้นเล็กน้อยหรือเฉลี่ยปรับสูงขึ้น 5 บาท แต่ราคายังต่ำกว่าปีก่อนที่เกิดสถานการณ์ภัยแล้งซึ่งส่งผลต่อราคาในช่วงเทศกาลกินเจปีก่อนปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 10 – 20%
สำหรับราคาผักที่ปรับสูงขึ้น เช่น ผักบุ้งจีน ขยับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 25 บาท จากปกติเฉลี่ยของเดือนกันยายน ราคาที่ 23 บาทต่อกิโลกรัม , ผักกวางตุ้ง ขยับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 25 บาท จากปกติ 21 บาท ต่อกิโลกรัม , มะระ ขยับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 35 บาท จากปกติเฉลี่ย 33 บาทต่อกิโลกรัม และถั่วฝักยาว เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30 – 40 บาท ขณะที่ วัตถุดิบที่ใช้ประกอบการอาหารเจ เช่น เห็ดหอม ราคาปรับสูงขึ้นเล็กน้อย ส่วนสินค้าเครื่องปรุง เช่น ซีอิ๊วขาว ยังไม่มีผู้ประกอบการขอปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด
“สถานการณ์ราคาผักในปีนี้ไม่น่าห่วงเท่าไร เพราะมีผลผลิตดี แต่สิ่งที่น่าห่วงคือสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หลายจังหวัด ได้สั่งการให้ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นพืชผลทางการเกษตรในพื้นที่ประสบภัย เพื่อสำรวจและประเมินความเสียหาย ซึ่งขณะนี้ ยืนยันว่า มีสินค้าเพียงพอกับความต้องการของตลาดแน่นอน โดยกรมการค้าภายใน ยังได้ประสานกับตลาดสด เพื่อเชื่อมโยงผักสดจากแหล่งผลิตจากเกษตรกรเข้าสู่ตลาดสดโดยตรงทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค และดูแลให้สินค้าอุปโภคบริโภคมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการไม่ขาดแคลน กำชับไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบประชาชนผู้บริโภคโดยเด็ดขาด”
ส่วนสถานการณ์ข้าวโพด นายสุวิทย์ กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์ราคาข้าวโพดที่มีราคาตกต่ำ โดยได้ขอความร่วมมือกับสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูกาลผลิตปี 2559/60 จากเกษตรกร ราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 8 บาท ที่ความชื้น 14.5% และบริหารจัดการรับซื้อในช่วงที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเปิดช่องทางพิเศษให้เกษตรกรนำผลผลิตมาจำหน่ายโดยตรงได้ทันที
อีกทั้งยังได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ผลิตอาหารสัตว์ให้ชะลอการนำเข้าข้าวสาลี จากที่กำลังจะนำเข้าในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน นี้ ขอให้ชะลอออกไปก่อนเป็นปีหน้า และขอให้รับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรภายในประเทศในช่วงทืที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ขณะเดียวกันได้กำชับให้เข้มงวดกวดขันการกำกับดูแลการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จังหวัดที่มีเขตติดต่อกับเพื่อนบ้าน เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศ