วันนี้(1ต.ค.) เวลา 06.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา(30ก.ย.) พระธรรมสิทธิมงคล (หลวงพ่อฉิ้น โชติโก) เจ้าอาวาสวัดเมืองยะลาและอดีตเจ้าคณะจังหวัดยะลา ได้ละสังขารแล้ว ด้วยวัย 89 ปี 9 เดือน ตามรายงานระบุว่า พระธรรมสิทธิมงคล ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลยะลา ช่วงเย็นวานนี้หลังมีอาการป่วยหมดสติ โดยทีมแพทย์พยายามปั้มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต แต่พระธรรมสิทธิมงคล ได้ละสังขารไป หลังจากประชาชนชาวยะลา ทราบข่าวการละสังขารของ พระธรรมสิทธิมงคล ก็ได้มีการแชร์ภาพและข้อความการละสังขาร ไปตามกลุ่มไลน์ต่างๆ จำนวนมาก
สำหรับประวัติพระธรรมสิทธิมงคล (หลวงพ่อฉิ้น โชติโก) เจ้าอาวาสวัดเมืองยะลาและอดีตเจ้าคณะจังหวัดยะลา มีนามเดิมว่า ฉิ้น ทองกาวแก้ว ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2469 ณ บ้านเลขที่ 129 หมู่ 1 ต.วัดสน อ.ระโนด จ.สงขลา ชีวิตวัยเยาว์ เมื่ออายุได้ 12 ปี ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนวัดสามบ่อ ต.วัดสน อ.ระโนด จ.สงขลา แต่พอเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ไม่สามารถเรียนต่อในระดับที่สูงได้ เนื่องจากฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างยากจน มีภาระต้องใช้จ่ายมาก แต่ด้วยมีใจใฝ่ศึกษาหาความรู้เสริมเป็นมงคลชีวิต ทำให้ท่านเบนเข็มชีวิต สละชีวิตทางโลก มุ่งสู่ร่มธรรมแห่งผ้ากาสาวพัสตร์ ออกบรรพชาเป็นสามเณร ณ พัทธสีมาวัดสามบ่อ ต.วัดสน อ.ระโนด เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2485 โดยมีพระครูปทุมธรรมธารี เจ้าอาวาสวัดสามบ่อ เป็นพระอุปัชฌาย์
ภายหลังบรรพชาเป็นสามเณร ท่านได้เริ่มต้นศึกษาพระปริยัติธรรมจนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี ในสำนักเรียนจังหวัดสงขลา พ.ศ.2486 สอบได้นักธรรมชั้นโท พ.ศ.2488 ออกเดินทางไปศึกษาที่วัดพุทธภูมิ อ.เมือง จ.ยะลา จนกระทั่ง อายุครบ 21 ปี จึงได้เดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม เพื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2490 ณ พัทธสีมาวัดสามบ่อ ต.วัดสน อ.ระโนด โดยมีพระครูปทุมธรรมธารี เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอธิการคำ วัดสน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า โชติโก แปลว่า ผู้มีธรรมอันเจริญรุ่งเรือง
หลังอุปสมบท ท่านได้เดินทางกลับมาศึกษาเล่าเรียนอยู่จำพรรษาที่วัดพุทธภูมิดังเดิม พ.ศ.2492 สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค พ.ศ.2494 สอบได้นักธรรมชั้นเอก จากสำนักวัดพุทธภูมิ อ.เมือง จ.ยะลา พ.ศ.2498 สอบได้เปรียญธรรม 5 จากสำนักวัดพุทธภูมิ อ.เมือง จ.ยะลา
โดยในปี พ.ศ.2507 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเมืองยะลา พ.ศ.2528 เป็นเจ้าคณะอำเภอเบตง-ธารโต พ.ศ.2539 รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดยะลา พ.ศ.2541 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดยะลา
ลำดับสมณศักดิ์ของพระธรรมสิทธิมงคล พ.ศ.2509 เป็นพระครูปลัดฐานานุกรมของพระราชปัญญาเมธี เจ้าคณะจังหวัดยะลา พ.ศ.2511 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษที่ พระครูไพโรจน์ธรรมรัต พ.ศ.2535 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษที่ พระครูวิเทศสมันตพิทักษ์ พ.ศ.2539 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระไพศาลประชานารถ(รักษาการเจ้าคณะจังหวัดยะลา)พ.ศ.2545 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปัญญาโสภณ พ.ศ.2547 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพศีลวิสุทธิ์ ล่าสุด ในปี พ.ศ.2550 ในวโรกาสพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมสิทธิมงคล สร้างความปีติยินดีต่อพุทธศาสนิกชนชาวยะลาเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้เป็นที่รู้กันว่า พระธรรมสิทธิมงคล (หลวงพ่อฉิ้น โชติโก) เป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของ พระครูวิสัยโสภณ หรือ พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้(อาจารย์ทิม ธัมมธโร) ซึ่งอาจารย์ทิม เป็นผู้สร้างตำนานพระเครื่องหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันทุกวันนี้
รวมทั้งพระธรรมสิทธิมงคล เป็นพระที่มีความเมตตาแก่ชาวจังหวัดยะลา เป็นอย่างมาก โดยในช่วงวันครบรอบวันเกิดของท่านทุกปี จะมีพิธีมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนทุกศาสนา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดยะลา และพระธรรมสิทธิมงคล เป็นพระที่ พลตำรวจเอกสมเพียร เอกสมญา หรือ จ่าเพียรขาเหล็ก อดีตผู้กำกับการตำรวจภูธรบันนังสตา ที่เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ให้การนับถือเป็นอย่างมาก โดยหลังจาก พลตำรวจเอกสมเพียร เสียชีวิต พระธรรมสิทธิมงคล ยังได้อนุญาตให้ประดิษฐานรูปเหมือนของพลตำรวจเอกสมเพียร ภายในวัดเมืองยะลาด้วย