นายสุเทพ ทิมศิลป์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการยาสูบ (ส.ร.ย.) เผยหลังนำตัวแทนพนักงาน ยสท. และตัวแทนชาวไร่ ภาคียาสูบแห่งประเทศไทย รวมกว่า 50 คน เข้ายื่นหนังสือที่กระทรวงการคลัง แสดงความไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเครือข่ายเสนอสุขภาพที่ให้ปรับอัตราภาษีบุหรี่สูงขึ้นอีก เพื่อให้ราคาบุหรี่ขั้นต่ำอยู่ที่ 72-73 บาท ว่า “ตั้งแต่การขึ้นภาษีเมื่อปี 2560 ยสท. พยายามปรับตัวมาโดยตลอด เพราะต้องขายสินค้าแข่งกับแบรนด์ของผู้นำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาเท่ากัน และบุหรี่เถื่อนที่ราคาต่ำกว่ามาก แม้ ยสท. จะยังพอมีกำไรอยู่บ้าง แต่เงินรายได้ที่ต้องส่งรัฐ 88% ก็หายไปกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท เพราะไม่ได้นำส่งมา 4 ปีแล้ว หากกรมสรรพสามิตนำข้อเสนอแนะการขึ้นภาษีบุหรี่จากเครือข่ายสุขภาพมาใช้จริง ไม่ใช่แค่รายได้ส่งรัฐจะหายไปอีก แต่ ยสท. ก็คงจะหายไปด้วย พนักงาน ยสท กว่า 2 พันครอบครัวคงต้องกลายเป็นภาระสังคม”
“ไม่อยากให้กระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิตผิดสัญญาจนต้องยอมกลืนจุดยืนของตัวเองที่เคยบอกว่า อยากให้บรรลุวัตถุประสงค์ 4 เรื่องทั้งแก้ปัญหาชาวไร่ รายได้ บุหรี่เถื่อน และสาธารณสุข แต่พอเอาจริง เสียท่าให้กับหมอและเอ็นจีโอฝั่งสุขภาพ อยากให้เห็นใจคนในอุตสาหกรรมที่ยังต้องทำงาน ทำไร่ ส่งเสียครอบครัวเลี้ยงชีพบ้าง”
ด้านนายกิตติทัศน์ ผาทอง ตัวแทนภาคีชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “พวกเราชาวไร่ยาสูบทั้งสามสายพันธุ์ยอมเสี่ยงกับโควิดมายื่นหนังสือถึง รมว. คลัง และกรมสรรพสามิต เพื่อคัดค้านการเก็บภาษีที่สูงเกินไป จนทำให้ราคาบุหรี่ปรับตัวขึ้นสูงมาก ที่ผ่านมาชาวไร่ยาสูบได้รับผลกระทบมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐเท่าที่ควร เรื่องเงินชดเชย 160 ล้านที่รัฐเคยรับปากว่าจะให้ พวกเราก็ยังต้องติดตามทวงถามมา 2 ปีแล้ว การขึ้นภาษีสรรพสามิตสูงขนาดนั้นกระทบกับปากท้องชาวไร่กว่า 30,000 ครอบครัวและจะทำให้เราถูกตัดโควตาปลูกยาสูบเพิ่มไปอีก ซึ่งกระทบรายได้ของเราซึ่งโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30,000 ต่อไร่ ที่ผ่านมาเม็ดเงินรายได้ของชาวไร่หายไปกว่า 900 ล้านบาทตลอด 4 ปี ภาษีที่สูงขนาดนั้นยิ่งซ้ำเติมความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบ”
นายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบ จ. เพชรบูรณ์และอีกหนึ่งตัวแทนภาคีชาวไร่ฯ เสริมว่า “ก่อนหน้านี้กรมสรรพสามิตบอกว่า การขึ้นภาษีจะพิจารณาอย่างดีไม่ให้เดือดร้อนชาวไร่ยาสูบ พวกเราก็อยากขอให้กรมสรรพสามิตและ รมว. ยึดมั่นในหลักการที่จะไม่ทำร้ายชาวไร่ยาสูบ และ ยสท. หากกรมสรรพสามิตยอมตามแรงกดดันของเอ็นจีโอแล้ว เท่ากับว่าเราไม่สามารถพึ่งพากรมสรรพสามิตได้อีกต่อไป”
การเดินทางมายื่นหนังสือที่กระทรวงการคลังครั้งนี้ มี “ส.ส. โอเล่” นายจักรัตน์ พั้วช่วย ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้รับหนังสือและรับปากจะนำไปส่งให้กับ รมว. คลัง เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
มนสิชา คล้ายแก้ว