วันที่ 20 ก.ย.64 เวลา 13.30 น.ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร 1 สตม.ซ สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1,พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้
คดีนี้สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้สืบสวนติดตามขบวนการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของกลุ่มชาวตะวันออกกลาง อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการจับกุมมาแล้วนับสิบราย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า มีกลุ่มชาวตะวันออกกลางที่มีประวัติถูกจับกุมดำเนินคดีและผลักดันออกนอกราชอาณาจักร พร้อมกับมีการบันทึกข้อมูลในบัญชีบุคคลต้องห้าม (Blacklist) และดำเนินการส่งกลับไปยังประเทศต้นทางเป็นที่เรียบร้อย มีการลักลอบกลับเข้ามาในประเทศอีกครั้ง โดยมีพฤติการณ์หลบซ่อนตัวอยู่ในย่านสุขุมวิทเพื่อจะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต เนื่องจากย่านดังกล่าวมีชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันออกกลางพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับตำหนิรูปพรรณของกลุ่มดังกล่าว พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 จึงได้
มีประชุมสั่งการ ให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่หาข่าวและตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบกับบุคคลต่างด้าวรายหนึ่งเดินเตร็ดเตร่อยู่ริมถนน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองคนต่างด้าวก็แสดงท่าทีมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจึงแสดงตัวและขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง ผลการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าบุคคลต่างด้าวคนดังกล่าวคือนาย โมฮัมเมด ถือหนังสือเดินทางสัญชาติ อียิปต์ และจากการสอบถามพบว่าคนต่างด้าวรายนี้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรและพำนักอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดมาเป็นเวลากว่า 1 ปี เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ที่ กก.สส.บก.ตม.1 จนได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางของนายโมฮัมเมดว่า นายโมฮัมเมดเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุม เมื่อปี 2561 ในพฤติกรรมเป็นมาเฟียอาหรับ ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในบริเวณซอยนานาให้กับนักท่องราตรีชาวต่างชาติ โดยในครั้งนั้นเจ้าตัวนำหนังสือเดินทางสัญชาติจอร์แดนมาแสดงในชั้นจับกุม ต่อมาเมื่อเข้าสู่กระบวนการลงบัญชีบุคคลต้องห้ามก่อนส่งกลับประเทศต้นทาง นายโมฮัมเมดได้นำหนังสือเดินทางอีกหนึ่งฉบับมาแสดง เพื่อหวังจะลักลอบกลับเข้ามาใหม่เมื่อมีโอกาส จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2563 ก่อนที่จะมีการปิดประเทศเนื่องจากสถานการณ์โควิด–19 นายโมฮัมเมดได้เล็ดลอดกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้มีการวางแผนด้วยการเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัว คือชื่อกลาง และนามสกุล เปลี่ยนวันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด แปลงสีผมและหนวดเครา พร้อมใช้หนังสือเดินทางสัญชาติอียิปต์แทนหวังตบตาเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ในครั้งนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆรวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือ www.immigration.go.th
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน