หลี่ เค่อเฉียง นายกจีน บอกว่า สี เจิ้นผิง ปธน.จีนให้เดินหน้าสร้างจีนปลอดคาร์บอนก่อน ค.ศ.2060
หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน (国务院总理李克强) กล่าวสุนทรพจน์ผ่านระบบวิดีโอในพิธีเปิด “การประชุมการพัฒนาพลังงานคาร์บอนต่ำปี ๒๐๒๑ ณ เมืองไท่หยวน” (“2021年太原能源低碳发展论坛”) เมื่อวันที่ ๓ ก.ย.๖๔ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
๑. นายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่า รัฐบาลจีนให้ความสำคัญในระดับสูงกับการพัฒนาพลังงานที่มีคุณภาพสูง และการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ประกาศไปแล้วว่า จีนจะพยายามบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ถึงเพดานสูงสุดก่อนปี ค.ศ.๒๐๓๐ (พ.ศ.๒๕๗๓) และเป็นประเทศที่ปลอดคาร์บอนก่อนปี ค.ศ.๒๐๖๐ (พ.ศ.๒๖๐๓) โดยเน้นย้ำว่า ขณะนี้เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงระบาดใหญ่ในโลกและเกิดการกลายพันธุ์ รวมทั้งเศรษฐกิจโลกเกิดความไม่มั่นคงและมีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนในทั่วโลกกำลังเผชิญกับการท้าทายที่รุนแรง ด้วยเหตุดังกล่าวเหล่านี้ ทุกประเทศจึงควรจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเอาชนะความยากลำบากในด้านต่างๆ และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปและส่งเสริมซึ่งกันและกัน
๒. นายหลี่ เค่อเฉียง ได้เสนอข้อเสนอแนะ ๓ ประการ ได้แก่
๒.๑ ประการแรก ต้องยึดมั่นในเจตนารมณ์ทางวิทยาศาสตร์ และท่าทีที่มุ่งสู่ความเป็นจริง ขับเคลื่อนการใช้พลังงานสีเขียว และการปล่อยคาร์บอนต่ำอย่างสมเหตุสมผล ทุกประเทศควรเคารพและประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี พยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งทางด้านการบริโภค และรูปแบบการผลิตอย่างเป็นระเบียบ
๒.๒ ประการที่สอง การส่งเสริมธรรมาภิบาลในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์ และสภาพภายในประเทศของประเทศต่างๆทั่วโลก ความรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนามีความแตกต่างกัน ความต้องการและความสามารถด้านการพัฒนาก็มีความแตกต่างกันเช่นกัน จึงต้องยึดหลักการที่ว่ามีความรับผิดชอบร่วมในแบบที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังต้องยืนหยัดในกลไกพหุภาคี ประเทศพัฒนาแล้วต้องให้ความสำคัญในระดับสูงกับข้อเรียกร้องและสิ่งที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษของประเทศกำลังพัฒนา ต้องเพิ่มการสนับสนุนแก่ประเทศกำลังพัฒนาทั้งทางด้านเทคโนโลยี เงินทุน และความสามารถ เพื่อช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาบรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ
๒.๓ ประการที่สาม การเสริมสร้างการประสานงานทางด้านนโยบายและการปฏิรูปโครงสร้าง รวมทั้งทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่สมดุล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยั่งยืน การฟื้นตัวหลังเกิดโรคระบาดของประเทศต่างๆ จะต้องไม่หวนคืนสู่เส้นทางเดิมของการพัฒนามลภาวะสูงและการปล่อยมลพิษสูง จำเป็นต้องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และความเข้มแข็งของนโยบายมหภาคอย่างเหมาะสม โดยเสริมสร้างการประสานนโยบายมหภาค การส่งเสริมการปฏิรูปโครงสร้าง รวมทั้งการปลูกฝังและเสริมสร้างแรงผลักดันใหม่ ๆ ด้วยต้นทุนที่ต่ำเพื่อช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างมีความสมดุล ตลอดจนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยั่งยืน
บทสรุป นายหลี่ เค่อเฉียง ชี้ให้เห็นว่า ในฐานะที่จีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจีนจะบรรลุการพัฒนาคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการตระหนักถึงความทันสมัยของสังคมนิยมและการทำงานอย่างหนักตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านพลังงานใหม่ และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างรอบด้าน รวมทั้งการปรับวัฏจักรของนโยบายเศรษฐกิจมหภาคให้เหมาะสมและยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรม เพื่อควบคุมกำลังการผลิตที่ใช้พลังงานสูงและการปล่อยมลพิษอย่างเคร่งครัด ตลอดจนสร้างแรงผลักดันใหม่ในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ประมวลโดย พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
( ข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www.chinaembassy.or.th/chn/zgyw/t1904465.htm )
นำเสนอ/รายงาน
ว่าที่ พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์
ตำแหน่ง เลขาธิการ
สถาบันศึกษาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการเส้นทางสายไหม
13/9/2021