ตามนโยบายของรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายเนื่องจากการแพร่ระบาดของยาเสพติดซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง
ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล มี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาลโดย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี,พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์,พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา,พ.ต.อ.ศุภวัช ปานแดง รอง ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.,พ.ต.ท.อัครพล โทยะ,พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์,พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร,พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.-กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลโดย พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.กิตติศัพท์ ทองศรีวงศ์ รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ธนศุภณัฏฐ์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติดังนี้
โดยเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 เวลา 11.00 น. ณ ลานเอนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร บช.น. พล.ต.ต.ปิยะต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีรพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น.ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม นาย บุญมี หรือเอก ผิวอ่อนดี อายุ 59 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 2 ล้านเม็ด และรถยนต์กระบะ 2 คัน โดยจับกุมได้บนถนนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า ประมาณ 2,000,000 เม็ด,รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีเม็กซ์ สีขาว ทะเบียน บห 4238 พิษณุโลก,รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีเทา ทะเบียน 3ฒข 773 กรุงเทพมหานคร,โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อวีโว่ รุ่น 1724 สีดำ จำนวน 1 เครื่อง,โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อวีโว่ รุ่น 1906 สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง,รายการทรัพย์สินที่ตรวจยึดตาม พ.ร.บ.มาตราการ รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีแดง ทะเบียน 7กฆ 5747 กรุงเทพมหานคร,รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว ทะเบียน 7กข 4259 กรุงเทพมหานคร,เงินสด จำนวน 11,000 บาท,พระเครื่อง จำนวน 11 องค์,บัตรกดเงินสด ATM จำนวน 4 ใบ และสมุดบัญชีธนาคารจำนวน 2 เล่ม รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 1,500,000 บาท โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยสามารถจับกุมได้บริเวณถนนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
สืบเนื่องมาจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี จะลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่ไปจังหวัดนราธิวาส เพื่อส่งออกประเทศมาเลเซีย ผ่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเครือข่ายกลุ่มนี้จะใช้รถกระบะในการลำเลียงยาเสพติดโดยปะปนมากับสินค้าทางการเกษตรเพื่อซุกซ่อนอำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีรถนำเพื่อดูต้นทาง เจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าติดตามพฤติกรรม ทราบรถที่แน่ชัดจึงเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมของกลางดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อมชุดจับกุมได้ร่วมกันบูรณาการสืบสวนหาข่าวผู้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด จากการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางซึ่งได้จับกุมไปก่อนหน้านี้แล้วประกอบกับได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว จนทราบว่ามีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี จะทำการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ผ่านทาง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเครือข่ายกลุ่มนี้จะใช้รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีเม็กซ์ สีขาว ทะเบียน บห 4238 พิษณุโลก ในการลำเลียงยาเสพติด โดยการปะปนมากับสินค้าทางการเกษตรเพื่อซุกซ่อนอำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจับกุม
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามจนทราบว่าเครือข่ายกลุ่มนี้ก่อนไปรับยาเสพติดในบริเวณพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี จะใช้รถยนต์ ยี่ห้อ อิซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บห 4238 พิษณุโลก ไปซื้อผักที่ตลาดไท จ.ปทุมธานี ให้เต็มท้ายกระบะ แล้วจะกลับไปขนยาบ้าซุกซ่อนใส่ปะปนไว้กับผักที่ท้ายรถกระบะเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นสินค้าเกษตร จากนั้นจะลำเลียงไปจำหน่ายยังพื้นที่ภาคใต้ โดยใช้เส้นทางผ่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งในแต่ละครั้งจะมีรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว สีเทา หมายเลขทะเบียน 3ฒข 773 กรุงเทพมหานคร เป็นรถนำคอยดูต้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาวันที่ 1 ก.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่าเครือข่ายกลุ่มนี้จะลักลอบลำเลียงยาบ้าลงสู่ภาคใต้ จึงได้วางกำลังตามเส้นทางที่ได้สืบสวนมาแล้ว จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีเม็กซ์ สีขาว ทะเบียน บห 4238 พิษณุโลก ซึ่งบรรทุกผักเต็มบริเวณท้ายรถ และมีรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รีโว สีเทา หมายเลขทะเบียน 3ฒข 773 กรุงเทพมหานคร ขับนำหน้าโดยใช้เส้นทางบางบัวทอง-สุพรรณบุรี และเข้าเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก (ตะวันตก) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามรถทั้งสองคันไปจนกระทั่งรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุฯ ชะลอความเร็วก่อนเข้าบริเวณด่านตรวจสกัดกั้นโควิด-19 ของ อ.บางบัวทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปแสดงตัวขอตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนปะปนไว้กับผักกะหล่ำปลีที่บริเวณท้ายรถกระบะ ส่วนรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าฯ ที่ทำหน้าที่นำทางนั้น ได้ขับหลบหนีการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณ ซ.เปี่ยมสุข ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ส่วนคนขับได้อาศัยความมืดหลบหนีไป
จากการสอบถามนายบุญมี หรือเอก ผิวอ่อนดี (ผู้ต้องหา) ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างขนยาเสพติดในลักษณะนี้มาแล้ว 4 ครั้ง ตั้งแต่ต้นปี 64 โดยมีนายโอมฯ เป็นผู้ว่าจ้างให้ขนยาเสพติดครั้งละประมาณ 1,800,000-2,000,000 เม็ด โดยจะจ่ายค่าจ้างให้กับผู้ร่วมขบวนการครั้งละ 300,000 บาท ซึ่งนายบุญมีฯ จะได้ส่วนแบ่งต่อครั้งๆละ 12,000 บาท,ค่าน้ำมัน 10,000 บาท และค่าจ้างจะได้รับหลังจากนำยาเสพติดไปส่งที่นัดหมายแล้ว โดยการลำเลียงยาเสพติด ผู้ต้องหาจะเป็นคนขับรถขนยาเสพติด และมีผู้ร่วมขบวนการทำหน้าที่ขับรถนำ ซึ่งจะนำยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลาง ลำเลียงสู่ชายแดนในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ อาทิเช่น อ.สุไหงโก-ลก และ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส แต่ครั้งล่าสุดจะนำไปส่งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไว้ได้ก่อน
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหา และสิทธิ์ตามกฎหมายให้ทราบ นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมผู้ขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้าฯ ที่ทำหน้าที่นำทาง ซึ่งได้หลบหนีไป รวมถึงกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออีกต่อไป
หากประชาชนท่านใด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด เกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด หรือสิ่งของผิดกฎหมาย โซเชียลมีเดีย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ สายด่วน 191,เพจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ
Cr.กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191)
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน